‘ลิสซิ่ง’รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ‘เมืองไทย แคปปิตอล’ จ่อระดม 1.5 หมื่นล้าน ลดต้นทุนการเงิน

‘ลิสซิ่ง’รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ‘เมืองไทย แคปปิตอล’ จ่อระดม 1.5 หมื่นล้าน ลดต้นทุนการเงิน

หุ้นลิสซิ่ง รับอานิสงส์ กนง. หั่นดอกเบี้ยลง คาดช่วยหนุนต้นทุนการเงินลดลง “เมืองไทย แคปปิตอล” จ่อระดมทุนปีหน้ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท คาดช่วยลดภาระดอกเบี้ยใหม่ลง 0.5%

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่าคาดว่าบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการที่คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในรอบล่าสุดที่ผ่านมา เพราะจะช่วยให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นและส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับตัวลดลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป

ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะระดมทุนในปีหน้ากว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในปล่อยสินเชื่อใหม่สัดส่วน 50% และที่เหลืออีกราว 50% สำหรับการใช้ชำระคืนหนี้เก่า ซึ่งบริษัทคาดว่าดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยใหม่ลงได้ประมาณ 0.5% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่จะทยอยออกในปีหน้าน่าจะอยู่ที่ระดับ 3.3-3.5% ลดลงจากมูลหนี้เดิมที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 4.5% ต่อปี

ส่วนเป้าหมายผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ที่คาดจะเติบโต 30% จากปีก่อน โดยคาดว่าภายในช่วงสิ้นปีนี้จะมีมูลค่าสินเชื่อคงค้างขึ้นไปแตะ 6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่าราว 58,000 ล้านบาท ส่วนแผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่จะเติบโตประมาณ 25-30% จากปีนี้หรือมีมูลค่าสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 7.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายฐานลูกค้าและขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวน 600 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้บริษัทจะรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.98% โดยบริษัทได้มีการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะไม่กระทบกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าหลักของบริษัทส่วนใหญ่กว่า 60% ประกอบอาชีพทางการเกษตร

“เชื่อว่าแนวโน้มรายได้และกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างแน่นอนตามทิศทางของยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ตั้งเป้าไว้จะเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ในส่วนของงบลงทุนในการเปิดสาขาใหม่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 300 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนให้สาขาของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 4,500 สาขาภายในสิ้นปี 63 จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสาขาราว 4,000-4,100 สาขา”

นายชูชาติ กล่าวต่อว่าขณะที่ปีหน้าบริษัทคาดว่ามีโอกาสที่จะมีการดึงเงินจากการตั้งสำรองฯกลับมาเป็นกำไรในงบการเงิน เนื่องจากมาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ต้นปี 2563 ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีการตั้งสำรองฯสูงกว่า 300% หรือมูลค่าปรมาณ 1,500 ล้านบาท จากหนี้เสียทั้งหมดที่มีอยู่เพียง 1,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่าเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่ระดับ 200%

 บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/2562 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 68.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 76% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.98 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้บริษัทมีผลดําเนินงานกําไรเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสัญญาเช่าซื้อที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อตามแผนธุรกิจใหม่ที่มากขึ้น และรายได้ที่มาจากการติดตามลูกหนี้ที่มีคําพิพากษาแล้ว ซึ่งบริษัทสามารถติดตามหนี้จากกลุ่มดังกล่าวไกด้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน