‘วีจีไอ-แพลนบี-มาสเตอร์แอด’ จัดทัพยึดตลาดโฆษณานอกบ้าน

‘วีจีไอ-แพลนบี-มาสเตอร์แอด’   จัดทัพยึดตลาดโฆษณานอกบ้าน

ถือเป็นการเดินเกมครั้งสำคัญของกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media) ในเครือบีทีเอส ภายใต้การนำของ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI

  ที่ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เปลี่ยนจาก “คู่แข่ง” มาเป็น “พันธมิตร” เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เพิ่ม “จุดเด่น” กลบ “จุดด้อย” ยากที่ใครจะต้าน เพราะทุกวันนี้กินมาร์เก็ตแชร์รวมกันแล้วมากกว่า 80%​ ในสมรภูมิมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

   ดีลแรกที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 วีจีไอ ทุ่มเงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ซึ่งเป็นเจ้าของป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ และป้ายโฆษณาบริเวณเสาตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอส ก่อนที่จะเข้าซื้อบิ๊กล็อตอีกรอบเมื่อปี 2559 โดยทุกวันนี้ วีจีไอ ถือหุ้น มาสเตอร์แอด อยู่ทั้งหมด 33.17%

   ส่วนที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ถูกพูดถึงกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นดีลที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ วีจีไอ ทุ่มเงินกว่า 4.6 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ในสัดส่วน 18.59% จากผู้ถือหุ้นเดิมและซื้อจากหุ้นเพิ่มทุน ต้องบอกว่าครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังของสองยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง เมื่อเสือสองตัวมาจับมือเป็นพันธมิตรกัน เพราะ แพลนบี เองก็ไม่ธรรมดา เป็นผู้นำสื่อดิจิทัลนอกบ้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีจุดแข็งเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

   ดังนั้น การผสานความร่วมมือกันรอบนี้ระหว่าง วีจีไอ กับ แพลนบี จะยิ่งทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) มากขึ้น ช่วยเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับลูกค้า โดยสามารถนำผลิตภัณฑ์ บริการ โซลูชั่น ที่มีอยู่ขายรวมกันเป็นแพ็คเกจไปเลย

   ขณะที่ดีลล่าสุดเป็นการทำดีลของ แพลนบี ที่เตรียมจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงของ มาสเตอร์แอด จำนวน 1,080 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 19.96% ที่ราคาหุ้นละ 1.4381 บาท รวมมูลค่าทั้งหมดแล้วกว่า 1.5 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงและลงนามสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ภายในเดือนพ.ย. นี้ และปิดดีลทั้งหมดภายในสิ้นปี

   โดย แพลนบี จะเข้าไปบริหารจัดการสื่อโฆษณานอกบ้านทั้งหมดของ มาสเตอร์แอด ในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ป้ายโฆษณาบิลบอร์ดขนาดใหญ่, เครือข่ายสตรีทเฟอร์นิเจอร์ และจอโฆษณาดิจิทัล รวมมากกว่า 2,000 แห่ง และได้มีการการันตีส่วนแบ่งรายได้ขั้นต่ำให้ มาสเตอร์แอด ปีละ 700 ล้านบาท รวมทั้ง ยังจะได้รับส่วนแบ่งรายได้อีก 15% ของยอดขาย

  ขณะที่ มาสเตอร์แอด จะลดบทบาทตัวเองลงเป็นเพียงแค่เจ้าของสินทรัพย์ (Asset Owner) เท่านั้น และหันไปมุ่งเจาะตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว ส่วนพื้นที่สื่อโฆษณาจุดสำคัญ อย่างเสาตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสและทางเดินเชื่อมบีทีเอส (Skywalk) แพลนบี จะขายพื้นที่ให้กับวีจีไอ เพื่อนำไปขายรวมเป็นแพ็คเกจร่วมกับสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งหมด

  หลังมีการประกาศดีลนี้ออก ช่วยจุดพลุราคาหุ้น แพลนบี ทะยานขึ้น 4 วันทำการติดต่อกัน บวกรวมกว่า 8% เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขยับใกล้เลขสองหลักเข้ามาทุกที โดยปิดการซื้อขายล่าสุดวานนี้ (7 พ.ย.) ที่ 9.55 บาท โดย แพลนบี จะได้รับเงินปันผลจาก มาสเตอร์แอด กลับมา ขณะที่ทางผู้บริหารคาดว่าจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มราว 90 ล้านบาท ในปี 2563 หนุนผลประกอบ  การนิวไฮต่อเนื่อง

   ต้องยอมรับเลยว่าการผสานความร่วมมือกันครั้งนี้ของทั้ง 3 บริษัท มีแต่ได้กับได้ เรียกว่า “วิน-วิน-วิน” กันทั้ง 3 ฝ่าย เพราะจะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ จากผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นร่วมกัน (Synergy) สามารถเพิ่มอำนาจการต่อรองทางการตลาด ทั้งด้านราคาและการต่อรองกับเอเจนซี่ ขณะที่อัตราการขายสื่อโฆษณาของทั้งกลุ่มจะเพิ่มขึ้นจากการขายแบบเหมารวมเป็นแพ็คเกจ ส่วนต้นทุนจะลดลงทั้งด้านการผิด การขาย การทำตลาด เพราะสามารถใช้ทีมขายชุดเดียวกันได้

   สุดท้ายแล้วผลประโยชน์จะตกกลับมาที่ผู้ถือหุ้นจากส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลที่จะได้รับ ซึ่งตามโครงสร้างแล้วมี วีจีไอ เป็นหัวเรือใหญ่ โดยถือหุ้น มาสเตอร์แอด อยู่ 33.17% และ ถือหุ้น แพลนบี 19.96% และต้องไม่ลืมว่างบฯ ของ วีจีไอ ก็จะสะท้อนกลับไปที่บริษัทแม่อีกที นั่นก็คือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เรียกว่าตอนนี้ธุรกิจสื่อโฆษณาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับทั้งเครือต่อไป