สิงคโปร์ห้าม“อี-สกู๊ตเตอร์”วิ่งบนทางเท้า

สิงคโปร์ห้าม“อี-สกู๊ตเตอร์”วิ่งบนทางเท้า

สิงคโปร์ห้าม“อี-สกู๊ตเตอร์”วิ่งบนทางเท้า เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5พ.ย.เป็นต้นไป

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า พาหนะที่ชาวสิงคโปร์นิยมใช้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง กำลังกลายเป็นปัญหา จนทำให้ทางการสิงคโปร์ ออกประกาศห้ามให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าวิ่งบนทางเท้า ตั้งแต่วันนี้ (5พ.ย.)เป็นต้นไป โดยสิงคโปร์จะเริ่มบังคับใช้ข้อห้ามนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไปและเมื่อพบเห็นผู้ใดฝ่าฝืน จะปรับเงิน 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมทั้งจำคุกนาน 3 เดือน

การใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายังคงเป็นเรื่องต้องห้ามบนท้องถนนในประเทศนี้ แม้ว่าการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้จะได้รับอนุญาตให้ขี่ได้บนเส้นทางรถจักรยานและตามเครือข่ายที่เป็นจุดเชื่อมต่อสวนสาธารณะ โดยผู้ใช้สกู๊ตเตอร์ในสิงคโปร์ ยังคงมีเวลาจนถึง31ธันวาคมก่อนที่จะเจอมาตรการห้ามใช้สกู๊ตเตอร์อย่างเป็นทางการ

“ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี2563 เราจะเริ่มบังคับใช้ข้อห้ามนี้อย่างเข้มงวด และหากพบว่ามีผู้ฝ่าฝืน ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบนทางเท้าจะปรับเงินทันที 2,000 ดอลลาร์สหรัฐและ/หรือจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน และคำสั่งห้ามนี้ มีผลกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าส่วนบุคคล และวีลแชร์ไฟฟ้าด้วย ”นายแลม ปิน มิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า สิงคโปร์จะมีประกาศห้ามให้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล(พีเอ็มดี)อาทิ สเก็ตบอร์ดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า และจักรยานไฟฟ้าล้อเดียวเพิ่มเติมด้วย ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และสำนักงานขนส่งทางบก (แอลทีเอ)จะไม่ออกใบอนุญาตเพิ่มเติมแก่ผู้ให้บริการแชร์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว รวมทั้งไม่ออกใบอนุญาตใหม่แก่บรรดาบริษัทต่างๆที่ยื่นขอทำธุรกิจแชร์สกู๊ตเตอร์

ด้วยกระแสความนิยมการใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในหมู่ผู้บริโภค ทำให้สิงคโปร์ผุดบริการเช่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่มีคอนเซ็ปต์เดียวกับบริการแบ่งปันจักยานที่ได้รับความนิยมในหลายๆประเทศ เพื่อให้ผู้คนเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น แทนที่จะต้องเดินท่ามกลางอากาศร้อน

บริการที่ว่าคือ การแบ่งปันสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เป็นความร่วมมือของบริษัท 3 แห่ง ที่ต้องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้คนในการเดินทางระยะสั้นๆ แทนที่จะใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะที่มีราคาแพง หรือการเดินเท้าท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว

โฆษกบริษัทป็อปสกู๊ต หนึ่งใน3 หุ้นส่วนธุรกิจนี้ เปิดเผยว่า ระบบขนส่งสาธารณะไม่สามารถพาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทุกที่ คนส่วนใหญ่จึงต้องเดินต่อ ขณะที่ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาสิงคโปร์ บ่งชี้ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีในสิงคโปร์อยู่ที่ 31-33 องศาเซลเซียส บริษัทจึงมั่นใจว่าธุรกิจแบ่งปันสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า คือทางเลือกที่ตอบโจทย์ประชาชน

วิธีใช้บริการก็เหมือนกับบริการแบ่งปันจักรยานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมาในสิงคโปร์ โดยผู้ใช้จะต้องโหลดแอพพลิเคชั่น และสแกนคิวอาร์โค้ดบนสกู๊ตเตอร์เพื่อใช้งาน ซึ่งบริการแบ่งปันสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและบริการแบ่งปันจักรยานไม่ใช่คู่แข่งกัน เพราะมีวัตถุประสงค์ต่างกัน โดยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเจาะกลุ่มคนที่ชอบความสะดวกสบาย และไม่ต้องออกแรงมาก

แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับบริการสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคือ ผู้ใช้จะต้องนำไปคืนที่จุดชาร์จไฟ ที่มีจำนวนไม่มากนัก และขณะนี้บริษัทเทเลพอด อีกหนึ่งหุ้นส่วนของธุรกิจบริการนี้ กำลังเจรจากับคาแฟ่ และบริษัทอื่นๆอีกหลายแห่งเพื่อติดตั้งจุดชาร์จสกู๊ตเตอร์ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากคาเฟ่หลายแห่ง แต่หลายบริษัทก็กังวลว่าสกู๊ตเตอร์อาจจะถูกขโมย
อย่างไรก็ตาม ทางการสิงคโปร์ ตระหนักดีว่า การห้ามใช้สกู๊ตเตอร์บนทางเท้าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งอาหารที่ต้องใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในการส่งอาหารตามบ้าน ถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีคนใช้สกู๊ตเตอร์ส่งอาหารในสัดส่วนไม่ถึง 30% และขณะนี้ สำนักงานขนส่งทางบกกำลังทำงานร่วมกับบรรดาบริษัทให้บริการส่งอาหารทั้งดีลิเวอโร และฟู้ดแพนด้าเพื่อให้ผู้ใช้สกู๊ตเตอร์หันไปใช้จักรยานยนต์หรือจักรยานแทน

คำสั่งห้ามครั้งนี้ของทางการสิงคโปร์ ย่อมส่งผลกระทบต่อนิวรอน โมบิลิตี้ ผู้ให้บริการสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ด้วย โดยปัจจุบัน บริษัทให้บริการสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 1,000 เครื่อง แต่ผู้ให้บริการสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นนิวรอนหรือบริษัทอื่นๆ ต่างก็เจอปัญหาที่ผู้ใช้งานนำสกู๊ตเตอร์ไปจอดเอาไว้ในที่ห้ามจอดจนทำให้สกู๊ตเตอร์ถูกยึด แม้รัฐบาลสิงคโปร์ จะมีกฎห้ามจอดสกู๊ตเตอร์เอาไว้ในพื้นที่สาธารณะ เช่น สถานีรถไฟใต้ดิน

บริษัทนิวรอน โมบิลิตี้ ก็พยายามแก้ปัญหานี้ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบอกพิกัดสกู๊ตเตอร์ที่เดินทางในแต่ละวัน พร้อมทั้งมีมาตรการปรับเงินผู้ใช้ที่ไปจอดในสถานที่ห้ามจอด