ทลาย 'แก๊งขนยาไอซ์' รายใหญ่ ผงะของกลาง 500 กก. หวังส่งออกตปท.พันล้าน

ทลาย 'แก๊งขนยาไอซ์' รายใหญ่ ผงะของกลาง 500 กก. หวังส่งออกตปท.พันล้าน

ฉวยโอกาสวันหยุดแต่ไม่รอด ตำรวจภาค 5 ทลาย "แก๊งขนยาไอซ์" รายใหญ่ ผงะของกลาง 500 กก. ตัดวงจรลำเลียงส่งตปท.หากหลุดไปมูลค่าพันล้าน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) ได้เป็นประธานแถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 1 ราย จับกุมผู้ต้องหา 9 คน ของกลาง ไอซ์ จำนวน 500 กิโลกรัม และรถยนต์ 6 คัน พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายมานิต โกเมศ ผอ.ปปส.ภาค 5

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2562 เวลาประมาณ 06.30 น. ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีขาว เลขทะเบียนกรุงเทพฯ ผ่านด่านตรวจ และได้กลับรถตรงจุดกลับรถหน้าด่านตรวจสบปราบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สบปราบ จึงไปตั้งจุดสกัดเส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจสบปราบ (Frog jump) ที่ถนนสายบ้านอ้อ - บ้านหนองวัวแดง พบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว โดยมีนายโยธิน หรือหมู แก้วเขียว เป็นผู้ขับขี่ และนายพงษ์พันธ์ หรือพงษ์ จันทะจร นั่งโดยสารมาด้วย จึงเรียกให้หยุดขอทำการตรวจค้น

โดยขณะกำลังจะตรวจค้นนั้น ได้มีรถยนต์จำนวน 2 คัน คือ รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า เลขทะเบียนกรุงเทพฯ และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเอ็มจี เลขทะเบียนกรุงเทพฯ ตามหลังมา และก่อนที่จะถึงจุดตรวจเส้นทางหลบหลีก ได้หยุดรถและกลับรถหลบหนีไปทางเส้นทางบ้านหาดปู่ด้าย - อ.เกาะคา จึงได้แจ้งหน่วยที่เกี่ยวข้องสกัดตรวจสอบ- จับกุม และได้เชิญตัว นายโยธิน และนายพงษ์พันธ์ มาที่ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ เพื่อทำการสอบปากคำ และตรวจค้นอย่างละเอียด

เมื่อทราบข้อมูลจึงได้ประสานงานไปยังศูนย์ควบคุมสั่งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตรวจภูธรภาค 5 เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเดินรถจากกล้องอ่านทะเบียนอัตโนมัติ ต่อมาจากการสืบสวน ทราบว่ารถยนต์เก๋งยี่ห้อจีเอ็ม หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ ได้เข้าไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หมู่ 5 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จึงได้ทำการสะกดรอยติดตาม

จนกระทั่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งได้เฝ้าจุดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมฯ ได้พบเห็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ ขับนำหน้ารถยนต์ หมายเลขทะเบียนกทม. ได้เข้ามาที่โรงแรมฯ โดยได้เข้าพักที่ห้องพักเลขที่ 14 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมพบของกลางยาไอซ์ ท้ายรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเอ็มจี สีเทา หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กก. จึงได้สอบถามผู้ต้องหา รับว่า ได้หลบหนีมาจากด่านตรวจสบปราบ จ.ลำปาง

จากนั้นได้ติดต่อไปยังผู้ว่าจ้างคือนายเค หรือเอ็ม (ไม่รู้จักชื่อจริงนามสกุลจริง) เพื่อแจ้งให้ทราบว่าได้ขนยาเสพติดมาเจอด่านสบปราบและได้หลบหนีมา ผู้ว่าจ้างแจ้งว่าได้ส่งรถยนต์คันใหม่มาเปลี่ยนจำนวน 3 คัน เพื่อให้ขนยาเสพติดไปให้ได้ และได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ในระหว่างที่ทำการตรวจค้นกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว ได้โทรแจ้งให้กลุ่มผู้ต้องหาไปเปลี่ยนรถคันใหม่อีก 2 คัน ที่บริเวณถนนหน้าร้านสะดวกซื้อ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อใช้ในการขนส่งลำเลียงยาเสพติดของกลางไปต่อ จึงได้ให้ผู้ต้องหาขยายผลนำพาไปยังผู้ร่วมขบวนการที่นำรถยนต์มาเปลี่ยน

อย่างไรก็ตามการจับกุมครั้งนี้ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 9 คน ประกอบด้วย นายโยธิน หรือ มอส หรือ หมู แก้วเขียว อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 นายพงษ์พันธ์ หรือพันธ์ จันทะจร อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 นายวิโรจน์ หรือ เต๋า พิเกาะ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 นายธนวัฒน์ หรือบอล เวียงยา อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 นายธนดล หรือ แระ หรือ บัง พิมนนท์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 นายอิทธิพล หรือ เบ๊นซ์ ละจินดา อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่ 6 นายรัชภูมิ หรือบู๊ ชื่นแสง อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 7 นายชิตณรงค์ หรือ ณรงค์ วงค์มณี อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาที่ 8 และนายเรืองศักดิ์ หรือ เบิร์ด กาหลง อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ 9

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) เปิดเผยว่า ช่วงนี้ผู้ต้องหาจะอาศัยช่วงเทศกาลวันหยุดราชการ ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องมีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีวิธีการรูปแบบใหม่ๆ ในการขนลำเลียงยาเสพติด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้น สำหรับไอซ์ที่จับกุมได้ในครั้งนี้โดยคาดว่าร้อยละ 90 จะถูกลำเลียงออกไปยังต่างประเทศ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการบูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้นติดตามจับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการอย่างเข้มงวด