"ไอเอ็มเอฟ" พบนายกฯ แนะไทยเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ

"ไอเอ็มเอฟ" พบนายกฯ แนะไทยเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ

กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟพบ "ประยุทธ์" ชมเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ แนะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ ระบุไทยยังลดดอกเบี้ยได้เพื่อช่วยกระตุ้นลงทุนในประเทศไทย พร้อมชื่นชมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเล็งนำไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ชี้สอดคล้องหลักพัฒนาอย่างยั่งยืน

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Mrs. Kristalina Georgieva) กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้าหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่ากรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยไอเอ็มเอฟได้ชื่นชนการเป็นเจ้าภาพจัดงานอาเซียนของไทยที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้พูดถึงเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยโดย โดยแม้จะไม่ได้หารือเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งโดยตรงแต่ไอเอ็มเอฟมองว่าไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสในการพัฒนาปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าประเทศไทยอยู่ระหว่างการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจตามรายงาน โดยเฉพาะการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ และการพัฒนาทักษะแรงงาน ควบคู่ไปกับการลงทุนขนาดใหญ่ โดยได้บรรจุแผนเหล่านี้ไว้ในแผนการปฏิรูปประเทศและจะมีการทบทวนทุกๆ 5 ปีตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ ทางธปท.คงได้มีการหารือตัวแทนไอเอ็มเอฟอีกครั้งในเรื่องแนวทางการพัฒนา โดยไทยพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำและดำเนินการในทุกมิติ โดยมอบหมายให้ทางธปท.เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ธปท.เป็นองค์กรอิสระฝ่ายบริหารจะไปก้าวล่วง หรือสั่งการอะไรไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าไอเอ็มเอฟต้องการให้ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงหรือไม่ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้ นางนฤมล กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟไม่ได้พูดชัดเจนแต่บอกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังมีช่องที่จะปรับลดลงได้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่ากรรมการผู้จัดการกองทุนไอเอ็มเอฟระบุว่าก่อนเดินทางมาประเทศไทยเพิ่งได้อ่านหนังสือและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และคิดว่าเป็นหลักปรัชญาเศรษฐกิจที่ทางไอเอ็มเอฟจะนำไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้เพราะสอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับการหารือกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและกรรมการผู้จัดการเอ็มเอฟระหว่างการการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งธนาคารกลางของแต่ละประเทศ มีความเป็นห่วงในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ​ และทุกแห่งจะต้องมีการปรับตัว พร้อมเตรียมมาตรการในการรองรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยยืนยันไปด้วยว่าทางประเทศไทยดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด และมีแผนปฎิบัติการเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและขจัดขยะทางทะเล รวมทั้งการยกเลิกการใช้ถุงพลาสติก