‘กัลฟ์-บีกริม'บุกลงทุนโรงไฟฟ้าเวียดนาม

‘กัลฟ์-บีกริม'บุกลงทุนโรงไฟฟ้าเวียดนาม

   "2  หุ้นโรงไฟฟ้า"  รุกพัฒนาโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจีในเวียดนาม  “กัลฟ์” จับมือจังหวัดนิ่งห์ถ่วน พัฒนาโรงไฟฟ้าขนาด 6,000 เมกะวัตต์ ฟาก"บี.กริม เพาเวอร์" จับมือปิโตรเวียดนามเพาเวอร์ ลุยโรงไฟฟ้า 3,000 เมกะวัตต์

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับคณะกรรมการประชาชนจังหวัดนิ่งห์ถ่วนของเวียดนาม ในการยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาด 6,000เมกะวัตต์ ( MW ) ร่วมกับสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว ขนาดกำลังการผลิต  6 ล้านตันต่อปี

ภายใต้บันทึกความร่วมมือดังกล่าวทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาโครงการฯโดยจะหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในธุรกิจโรงไฟฟ้า รวมถึงสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวตลอดจนแผนการจัดหาเงินทุน รวมถึงประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีกรอบในการพัฒนาโครงการฯไปจนถึงกำลังการผลิตสูงสุดของโรงไฟฟ้าและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวที่ทางตำบลกาน้าจะสามารถผลิตได้และได้รับอนุมัติจากทางรัฐบาล นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะเร่งดำเนินโครงการฯให้แล้วเสร็จได้ทันต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าตามแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า BGRIM ได้ลงนามสัญญาความร่วมมือกับบริษัท ปิโตรเวียดนามเพาเวอร์เพื่อร่วมศึกษาและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 3,000 เมกะวัตต์ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิง รวมถึงโครงการนำเข้าและจำหน่าย LNG เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม

สำหรับสัดส่วนการถือหุ้นร่วมกับทางบริษัท ปิโตรเวียดนาม เพาเวอร์ ทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าและธุรกิจจัดหานำเข้าและจำหน่าย LNG นั้นอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยคาดว่าจะสามารถเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้ในช่วงต้นปี 2563 และคาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนร่วมทุนในโครงการดังกล่าว รวมถึงเงินลงทุนทั้งหมดได้ภายในไตรมาส 1 ปี2563

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวสร้าง positive sentiment ให้กับหุ้นทั้งสอง โดยครั้งนี้มีความคืบหน้าหลังทั้งคู่สามารถเซ็น MOU กับพันธมิตรเพื่อร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าว ซึ่งหากสำเร็จจะสร้างมูลค่าเพิ่มหรืออัพไซด์ให้แก่หุ้นทั้งสอง โดย BGRIM มีโอกาสเพิ่มขึ้นราว 12-18 บาทต่อหุ้น และ GULF ราว 28-45 บาทต่อหุ้น โดยอิงสัดส่วนการถือหุ้นที่ 50%-80%

อนึ่งวานนี้ (4พ.ย.) พบความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GULF ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่า 5.85% โดยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 172 บาท เพิ่มขึ้น 9.50บาท มูลค่าการซื้อขายคึกคักกว่า 2,545 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่า 9.95% โดยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 52.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท มูลค่าการซื้อขายกว่า 1,843  ล้านบาท