เมสเสจจาก 'แรมโบ้' ถึงคนเสื้อแดง

เมสเสจจาก 'แรมโบ้' ถึงคนเสื้อแดง

แรมโบ้อีสาน "สุภรณ์ อัตถาวงศ์" ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี บางคนบอกว่าไปให้ราคาทำไม เพราะเป็นคนทรยศต่อคนเสื้อแดง ที่กลับตัวกลับใจจากที่เคยร่วมเคลื่อนไหวกับเสื้อแดง แล้วย้ายค่ายมาอยู่กับพลังประชารัฐ (พปชร.)

จนมีคนกล่าวว่า โปรย้ายค่ายคือเก้าอี้ทางการเมือง

จะไม่ให้ราคากับแรมโบ้ได้อย่างไร เพราะกว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดง จะเป็นรูปเป็นร่างและจุดติดจนมีคนเยอะขนาดนี้ ก็เพราะว่า นปช.ไปดึงแรมโบ้อีสานมาเป็นแกนนำเพราะแรมโบ้เป็นคนอีสาน

ในการชุมนุมของเสื้อแดง มีแต่คนอีสานทั้งนั้น คนใต้หรือคนภาคอื่นน้อยมาก ดังนั้นในช่วงการชุมนุมจึงมีคนคิดว่า การจะให้คนอีสานมาอยู่ใต้การบัญชาการของคนเสื้อแดง คนอีสานเขาคงไม่มาหรอกหากไม่มีคนบ้านเขาร่วมด้วย

นี่จึงเป็นที่มาที่แรมโบ้อีสานมาเป็นแกนนำขึ้นเวที

การชุมนุมหลายครั้งที่โบนันซ่าของ ไพวงศ์ เตชะณรงค์ ก็ได้แรมโบ้นี่แหละเป็นคนรวบรวมคนให้ ไม่งั้นไม่มีคนมาชุมนุมกันเยอะขนาดนั้น

การจะมาบอกว่าให้ราคาแรมโบ้ทำไมจึงไม่น่าจะใช่

วันนี้แรมโบ้มาทำงานให้ นายกฯลุงตู่ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ขึ้นตรงหรือสายตรงเลย ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ถนัดคือ “คุยกับม็อบกลุ่มต่างๆ ที่เดือดร้อนจากการทำมาหากิน และน่าจะรวมไปถึงม็อบการเมืองด้วย ในฐานะคนที่เคยร่วมเคลื่อนไหวกันมาน่าจะรู้สายสนกลในเป็นอย่างดี

เขาเรียกว่า ใช้คนถูกกับงาน

แรมโบ้อีสาน มีข้อห่วงใยฝากไปถึงบรรดาคนที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกัน แน่นอนน่าจะหมายถึงคนเสื้อแดง เพราะว่า วันนี้แกนนำหลายคนมีคดีความติดตัวทั้งแพ่งและอาญา บางคนติดคุกติดตะราง บางคนต้องหนีเตลิดจากบ้านเกิดเมืองนอน

 

ทั้งหลายทั้งปวงไร้การเหลียวแลจากนายใหญ่

จึงอยากให้คนเหล่านั้น กลับตัวกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าการชุมนุมในอดีต มันไม่ใช่ประชาธิปไตยหรอก เป็นแค่ฉากหน้า แต่แกหลังมีคนคอยบงการ มีคนคอยชักใยเพื่อผลประโยชน์ของเขา แล้วใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ

ผมในฐานะอยู่ในการชุมนุม ได้รับบทเรียนมามากมาย ก็อยากจะฝากถึงบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคยร่วมชุมนุมก็ดี ขอให้ได้ทบทวนเอาสติมาคิดมาตรองว่าประเทศชาติบ้านเมืองประชาชนต้องมาก่อน ทำอะไรให้คิด

วันนี้ประเทศ ประชาชนอยากให้บ้านเมืองเดินหน้า วันนี้บ้านเมืองต้องการความสามัคคี สามัคคีปรองดอง ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง บทเรียนในอดีตมีแต่ความเจ็บปวดมีแต่ความเสียหาย เศรษฐกิจเสียหายย่อยยับ ชะตากรรมของผู้ชุมนุมจะต้องติดคุกติดตะราง ล้มละลาย ไร้ที่อยู่ออกนอกประเทศ

ยิ่งในการชุมนุมล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552 แรมโบ้เห็นเพื่อนร่วมการเคลื่อนไหวหลายคนต้องเดินเข้าคุกเข้าตะราง บางคนหนีไปต่างประเทศ

สิ่งที่เกิดขึ้น มันได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ และเศรษฐกิจ ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ประเทศบอบช้ำ สิบปีที่ถอยหลัง สิบปีบ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ อยากฝากเป็นข้อเตือนใจนักการเมืองหลายๆ คน

สุดท้ายแรมโบ้อยากจะให้กำลังใจคนที่ต่อสู้หรือว่าหลงผิดได้กลับตัวกลับใจมาร่วมกันพัฒนาประเทศ จะไม่มีการชุมนุมเพื่อสร้างความเสียหายแบบในอดีตอีกแล้ว

นี่คือข้อความหรือเมสเสจที่ แรมโบ้อีสาน” ส่งถึงทุกคน ในภาวะที่นักต่อสู้หลายคนยอมยกธงขาวไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น จอม เพชรประดับ สุนัย จุลพงศธร ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนอย่างยากลำบาก เพียงเพราะเอาตัวเองเข้าช่วยเหลือนายใหญ่

แต่มันตรงกันข้ามเพราะนายใหญ่พากันเสวยสุขในต่างแดนขณะที่นักต่อสู้ต้องทุกข์ทรมาน