แอ๊ปเปิ้ลมั่นใจตลาดจีนแม้“สงครามการค้า-หัวเว่ย”ฉุดยอดขาย

แอ๊ปเปิ้ลมั่นใจตลาดจีนแม้“สงครามการค้า-หัวเว่ย”ฉุดยอดขาย

บริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ส่งสัญญาณว่าการดำเนินธุรกิจในจีนยังคงมีเสถียรภาพแม้ว่าสหรัฐและจีนยังคงทำสงครามการค้าระหว่างกันและการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้ายังไม่มีความแน่นอน รวมทั้งยังมีบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีคอยชิงส่วนแบ่งตลาด

ทิม คุ๊ก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)ของแอ๊ปเปิ้ล ระบุว่า ผลกระทบจากความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีเล็กน้อย ขณะที่ธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่และธุรกิจการบริการของแอ๊ปเปิ้ลในจีนค่อนข้างสดใส แม้ยอดขายไอโฟน 11 ในจีนจะปรับตัวร่วงลง 28% แต่ในความเป็นจริงหากไม่มีไอโฟน 11 ยอดขายไอโฟนน่าจะลดลงมากกว่านี้

บริษัทคานาลิส ให้ความเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดจำหน่ายไอโฟนในจีนเมื่อไตรมาสที่ 3 ลดลงไปถึง 28% เพราะผลพวงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ทำให้ชาวจีนเกิดการต่อต้านสินค้าของสหรัฐอเมริกันอย่างไอโฟน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว กระแสคว่ำบาตรสินค้าอเมริกันไม่ได้เพิ่งมี แต่มีมาตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐเริ่มทำสงครามการค้ากับหัวเว่ย บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์​ว่า แอ๊ปเปิ้ลจะสูญเสียยอดขายไอโฟนในจีนถึง 50% แต่คานาลิส เชื่อว่าจากตัวเลข 50% เหลือ 28% เป็นเพราะไอโฟน 11 รุ่นราคาถูกสุดของแอ๊ปเปิ้ลช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้

“แอ๊ปเปิ้ลพัฒนากล้องของไอโฟน 11 ให้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานชาวจีนตัดสินซื้อไอโฟน ประกอบกับมีราคาถูกลงกว่าเดิม” นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ให้ความเห็น

ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มียอดขายสูงที่สุดคือหัวเว่ย ที่มีอัตราการเติบโตสูง ขายสมาร์ทโฟนได้ 41.5 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งตลาด 42% เพิ่มขึ้น 66% ในขณะที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนรายอื่นๆกลับมียอดขายลดลง

แอ๊ปเปิ้ล ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2562 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. มีรายได้ 64,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 % เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโดยรายได้จากธุรกิจบริการถือว่าทำสถิติใหม่สูงสุดที่ 12,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิ ไตรมาส 4 ทำสถิติใหม่ที่ 3.03 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 4% สำหรับผลประกอบการปี 2562ที่ปรับเพิ่มขึ้นครั้งนี้ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการเติบโตของธุรกิจบริการ อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ และไอแพด

ขณะที่“ลูกา เมสทริ” ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน(ซีเอฟโอ) ของแอ๊ปเปิ่้ล กล่าวว่า บริษัทได้จ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่นักลงทุนมากกว่า 21,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงอนุมัติวงเงินในการซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนเงินเกือบ 18,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารของแอ๊ปเปิ้ล ประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 0.77 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 3,500 ล้านดอลลาร์

สำหรับในปี2563 แอ๊ปเปิ้ล คาดการณ์ว่า ผลประกอบการไตรมาสแรก ในปีหน้า จะอยู่ที่ประมาณ 85,500 -89,500 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรขั้นต้นประมาณ 37,5 -38,5 % ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่ระหว่าง 9,600 -9,800 ล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อัตราภาษี อยู่ที่ 16.5 %

ในความเป็นจริงแล้ว กระแสต่อต้านสินค้าของแอ๊ปเปิ้ลในหมู่ชาวจีน ไม่ได้มีเฉพาะประเด็นที่สหรัฐพยายามกีดกันหัวเว่ยเท่านั้น ประเด็นขัดแย้งทางการเมืองในฮ่องกงก็จุดชนวนให้เกิดการคว่ำบาตรสินค้าของแอ๊ปเปิ้ลมาแล้ว

ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ชาวจีนรณรงค์เลิกใช้ผลิตภัณฑ์แอ๊ปเปิ้ล หลังจากบริษัทเปิดให้ดาวโหลดแอพพลิเคชั่นติดตามความเคลื่อนไหวของตำรวจฮ่องกง โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมีชื่อว่า HKmap.live ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของตำรวจฮ่องกงจากผู้ใช้งาน เพื่อระบุตำแหน่งของตำรวจฮ่องกงในเมือง และแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุปะทะ

ก่อนหน้านี้ แอ๊ปเปิ้ล ปฏิเสธคำขอของนักพัฒนาที่ต้องการนำแอพพลิเคชั่นดังกล่าวออกเผยแพร่ในแอปสโตร์ของบริษัท แต่กลายเป็นว่าผู้ใช้งานกลับสามารถดาวโหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ในเวลาต่อมา

และนอกจากระบบปฏิบัติการ IOS ของแอ๊ปเปิ้ลแล้ว ผู้ใช้งานยังดาวโหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจากกูเกิ้ลสโตร์บนปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ สื่อจีนมองว่า แอ๊ปเปิ้ลกำลังปกป้องผู้ก่อความไม่สงบในฮ่องกง และอำนวยความสะดวกให้กับการกระทำผิดกฎหมาย

บรรดานักวิเคราะห์ในแวดวงไอที คาดการณ์ว่า ในไตรมาสหน้าปี 2563 ยอดขายไอโฟนจะร้อนแรงมาก เมื่อแอ๊ปเปิ้่ลเปิดตัวโทรศัพท์ 5จี โดยที่ผ่านมาเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า แอ๊ปเปิ้ล กำลังวางแผนจัดส่งไอโฟน 5จีรุ่นใหม่อย่างน้อย 80 ล้านเครื่อง

นิกเคอิ รายงานด้วยว่า บริษัทควอลคอมม์ ผู้ผลิตชิปประมวลผลชื่อดังได้จับมือกับแอ๊ปเปิ้ล ระดมซัพพลายเออร์จากหลายภาคส่วนเพื่อเตรียมผลิตไอโฟน 5จี เครื่องแรกในปีหน้า และไอโฟน 5จีรุ่นแรกจะมีทั้งหมด 3 รุ่น ใช้ชิปประมวลผลที่รองรับเทคโนโลยี 5จี ออกแบบโดยควอลคอมม์

ขณะที่ข้อมูลของคานาลิส บ่งชี้ว่า ปัจจุบัน แอ๊ปเปิ้ลเผชิญหน้ากับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ โดยยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนรายนี้ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในเซคเมนท์สมาร์ทโฟนในไตรมาสที่3 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่าในภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนในจีนจะปรับตัวลดลง 3%

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ย ยังคงเป็นบริษัทที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำ ถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดเทคโนโลยีของสหรัฐ จึงทำให้หัวเว่ย เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด เมท 30 ในตลาดโลกโดยไม่มีแอพพลิเคชันของกูเกิ้ล และทำให้หัวเว่ย หันมาเน้นทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศ จนทำให้มียอดขายแซงหน้าแม้กระทั่งบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติเดียวกันอย่างเสี่ยวหมี่