ไทยเน้นย้ำกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนระดับภูมิภาค

ไทยเน้นย้ำกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนระดับภูมิภาค

ไทยเน้นย้ำกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนระดับภูมิภาค

วันนี้ (วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562) เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม Impact เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษ งาน ASEAN Business and Investment Summit 2019 (ABIS) โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ภายหลังเสร็จสิ้น ศาตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน ASEAN Business and Investment 2019 ซึ่งสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ASEAN Business Advisory Council (ASEAN-BAC) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดขึ้นในวันนี้

โดยในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่สำคัญของประเทศไทยนอกจากได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานอาเซียน ยังเป็นปีที่ภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะองค์กรชั้นนำได้จัดเวทีเสวนาระดับนานาชาติภายใต้หัวข้อหลัก “สร้างพลังอาเซียน 4.0” เพื่อติดอาวุธทางปัญญาและปูแนวทางไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในยุค 4.0 ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญและผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ ใช้นวัตกรรมเป็นตัวช่วยยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งระดับมหภาคและจุลภาคของประเทศ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด และการมีประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาที่ยั่งยืน

รัฐบาลไทยและภาคธุรกิจได้ดำเนินการร่วมกันในหลายด้าน 1. มิติด้านความมั่นคง รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 2. มิติด้านเศรษฐกิจ การลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน (Public and private partnership or PPP) มีการร่วมทุนขนาดใหญ่ในโครงการ Eastern Economy Corridor (EEC) หลายโครงการ 3. มิติด้านสังคม การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเป็นปัจจัยเร่งให้ประเทศไทยต้องปรับตัวด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามารองรับสังคมรูปแบบใหม่

การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลก็เป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกประเทศจะต้องเตรียมความพร้อม โดยการติดต่อผ่านดิจิทัลจำเป็นต้องใช้เครือข่ายการประกอบธุรกิจในประเทศและระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง ภาครัฐจึงต้องช่วยสนับสนุน นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือระดับภูมิภาคได้แก่ ACMECS RCEP และ GMS ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล และสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนจึงมีความสำคัญมากในการเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการพบปะหารือนำเสนอข้อคิดเห็นในเชิงเศรษฐกิจเพื่อให้ภาครัฐได้นำมาพิจารณาปรับใช้กับยุทธศาสตร์

นายกรัฐมนตรีหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อคิดเห็นในหลายเรื่อง และจะเป็นเครื่องมือนำเสนอพัฒนาการในระบบการค้าและการลงทุนของโลก รวมถึงนำเสนอข้อเสนอแนะในการวางยุทธศาสตร์และแผนการรองรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความพร้อมให้อาเซียนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะเศรษฐกิจของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีชื่นชมการจัดงานและอวยพรให้การจัดงานประสบความสำเร็จมีผลเป็นรูปธรรมเพื่อเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งยั่งยืนพร้อมก้าวทันสู่สังคมดิจิทัล