‘เทรดวอร์-ประท้วง’ตัวการฉุดเศรษฐกิจฮ่องกงถดถอย

‘เทรดวอร์-ประท้วง’ตัวการฉุดเศรษฐกิจฮ่องกงถดถอย

หลังจากจับตากันมานานถึงตัวเลขเศรษฐกิจฮ่องกง ท้ายที่สุดทางการยืนยันว่า เศรษฐกิจดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลก จากเหตุประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมานาน ส่งผลเสียหายต่อศูนย์กลางการเงินแห่งนี้เข้าจนได้

ฮ่องกง ซึ่งเป็นเมืองกึงปกครองตนเองของจีน วุ่นวายมาเกือบ 5 เดือนจากการเดินขบวนของประชาชนจำนวนมหาศาล ที่บัดนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบลงเช่นไร เมื่อรัฐบาลปักกิ่งและผู้นำฮ่องกงใช้ไม้แข็งมากขึ้นทุกที

ภาพการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงที่ปาก้อนอิฐและระเบิดเข้าใส่ตำรวจ ถูกตอบโต้ด้วยการระดมยิงแก๊ซน้ำตาและกระสุนยาง เกิดขึ้นทุกสัปดาห์ ทำลายชื่อเสียงของเมืองที่เคยได้ชื่อว่าปลอดภัยและมีเสถียรภาพมาก ส่งผลให้อุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนัก ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ต้องสะเทือนเพราะสงครามการค้ามาแล้ว

ตัวเลขล่าสุด รัฐบาลเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ลดลง 3.2% เทียบกับไตรมาก่อนหน้าที่ลดลง 0.4% เท่ากับว่าเศรษฐกิจฮ่องกงเข้าสู่ภาวะถดถอยในเชิงเทคนิค เมื่อเศรษฐกิจหดตัวสองไตรมาสติดต่อกัน และถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่วิกฤติการเงินโลกอยู่ในระดับสูงสุด

หากเทียบเป็นรายปี จีดีพีไตรมาส 3 หดตัว 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี

จริงๆ แล้วเศรษฐกิจฮ่องกงเจออุปสรรคมาตั้งแต่ต้นปีนี้จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งฮ่องกงต้องพึ่งพาสองมหาอำนาจเศรษฐกิจนี้อย่างหนัก เศรษฐกิจไตรมาสแรกโตแค่ 0.6% แต่การประท้วงที่ปะทุขึ้นในเดือน มิ.ย.ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

สัปดาห์ก่อน พอล ชาน รัฐมนตรีคลังเตือนว่า เป็นไปได้มากที่สิ้นปีนี้ฮ่องกงจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเต็มตัว

นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงมากถึง 40% โดยเฉพาะจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่คิดเป็น 80% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ตัวเลขค้าปลีกเดือน ส.ค. ร่วงลง 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ บลูมเบิร์กคาดว่า ค้าปลีกเดือน ก.ย.น่าจะลดลงมากถึง 30%

ไม่กี่วันก่อน แคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะบริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่ตอนนี้คะแนนนิยมร่วงถึงขีดสุด แถลงว่า เมื่อต้นเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติจีนที่เรียกกันว่า โกลเด้นวีคตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงมากถึง 50%

วานนี้ (31 ต.ค.) สำนักงานการเงินฮ่องกงลดดอกเบี้ยอ้างอิงตามธนาคารกลางสหรัฐ เนื่องจากฮ่องกงตรึงค่าเงินไว้กับดอลลาร์ ด้านเอชเอสบีซีลดดอกเบี้ยลงด้วย เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี สะท้อนถึงคลื่นกระแทกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจฮ่องกงในวงกว้าง

“เราหวังว่านั่นพอจะทำให้ลูกค้าหายใจหายคอได้บ้าง และอาจเป็นแสงสว่างอันน้อยนิดถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสดใส” จอร์จ เหลียง ที่ปรึกษาเอชเอสบีซีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเผยกับเอเอฟพี

ทางการฮ่องกงยังพอสบายใจจากความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าหรือความไม่สงบทางการเมือง ยังไม่ทำให้เงินทุนสำคัญไหลออกไปที่อื่น เนื่องจากอัตราดอลลาร์ ระดับเงินฝาก และอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ยังคงมีเสถียรภาพ

ขณะที่หล่ำและรัฐบาลปักกิ่งไม่ค่อยอยากตอบสนองความต้องการของผู้ประท้วง หรือหาวิธีการทางการเมืองมาแก้ไขปัญหาเลือกปล่อยให้ขบวนการประท้วงต่อไป ซึ่งการเคลื่อนไหวยังมีพลังอยู่มากและประชาชนก็สนับสนุนแม้ประสบปัญหาเศรษฐกิจ

“แม้ทางการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาได้แล้ว แต่ก็เป็นไปได้ว่าคงอีกนานกว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะฟื้นตัว” ทอมมี อู๋ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ เผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก