ลุ้นแรงซื้อ ‘แอลทีเอฟ’ ดันหุ้นไทยสัปดาห์หน้ายืนเหนือ1,600จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ( 1พ.ย.62) ปิดการซื้อขายที่ 1,592.52 จุด ลดลง 8.97 จุด หรือ -0.56% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 48,451.84 ล้านบาท
ขณะที่ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าประเมินว่าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้าง หลังจากสัปดาห์นี้ดัชนีฯกลับมาหลุด 1,600 จุดได้ โดยคาดว่าตลาดจะมีแรงหนุนจากการออกมาตรการของภาครัฐและแรงซื้อจากเม็ดเงินกองทุน LTF ที่จะไหลเข้ามาในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีประมาณ 30,000 ล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังไม่มีเม็ดเงินไหลเข้าเลย ทั้งนี้ให้กรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,580-1,630 จุด
ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,513.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 21,600 บาทต่อบาททองคำ ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเมินว่าหากราคาทองคำยืนเหนือโซน 1,504 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ยังมีลุ้นที่ราคาจะดีดขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,517-1,519 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้นักลงทุนอาจรอจังหวะทยอยขายทํากําไรเมื่อราคาทองคําดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้านดังกล่าว เพราะหากยืนไม่ได้ราคาอาจอ่อนตัวลง พร้อมแนะนํานักลงทุนพิจารณาเข้าซื้อตรงโซนแนวรับ 1,504-1,493 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อหวังทํากําไรจากการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง
สัปดาห์นี้ค่าเงินสำคัญส่วนใหญ่รวมถึงเงินบาทปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ30.15-30.25บาทต่อดอลลาร์ และปิดตลาดที่ระดับ30.16-30.18บาทต่อดอลลาร์ ยังคงแข็งค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ซึ่งในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดที่ผ่านมาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อย่างไรก็ดีเฟดยังมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯในทางบวกขณะที่ตลาดการเงินมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้หากไม่เกิดความเสี่ยงไหม่เพิ่มเข้ามา
ในส่วนของเงินปอนด์สัปดาห์นี้ได้แรงหนุนเล็กน้อยจากการที่อียูยอมเลื่อนเส้นตายBrexitจากวันที่ 31 ต.ค.ออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2563 ทั้งนี้ในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยในคืนวันศุกร์ที่ 1 พ.ย.จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯเดือนต.ค.ขณะที่ในวันที่ 6 พ.ย.จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย
