บี้ 'ดีเอสไอ' ลุย 'แชร์ฟอเรกซ์' รับเป็นคดีพิเศษ ย้ำเหยื่อ3หมื่นราย-เสียหาย4หมื่นล้าน

บี้ 'ดีเอสไอ' ลุย 'แชร์ฟอเรกซ์' รับเป็นคดีพิเศษ ย้ำเหยื่อ3หมื่นราย-เสียหาย4หมื่นล้าน

กลุ่มผู้เดือดร้อนบุกกรมฯ บี้ "ดีเอสไอ" ลุย "แชร์ฟอเรกซ์" รับเป็นคดีพิเศษ ย้ำมีคนตกเป็นเหยื่อ 3 หมื่นราย และเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) - นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำกลุ่มผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ Forex3d มูลค่าความเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านบาท เข้าร้องเรียนต่อดีเอสไอ เพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษโดยเร็ว พร้อมออกคิวอาร์โค้ดให้ผู้เสียหายในต่างประเทศและต่างจังหวัดได้ลงทะเบียน โดยระบุว่าแชร์ฟอเรกซ์ มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายมากกว่าแชร์แม่มณีหลายเท่าตัว พฤติกรรมก็สลับซับซ้อน ไม่ใช่การโอนเงินตรงๆ ผ่านแอบพลิเคชั่นของธนาคาร แต่เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดาของบริษัท และต้องเข้าไปตรวจสอบผลกำไรจากโปรแกรมของบริษัท การถอนเงินปันผลต้องได้รับการอนุมัติจากบริษัท ตามปกติบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีหลังตั้งเรื่องขอเบิกเงินปันผลไม่เกิน 7-8 วัน ปรากฏว่าตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ไม่สามารถเบิกถอนเงินได้

นอกจากนี้ กลุ่มผู้เสียหายยังนำพริกแห้งกับเกลือและรูปของซีอีโอบริษัทที่เคยร่วมทำกิจกรรมกับดารานักแสดงหลายคนมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการสาปแช่ง กดดันให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมตะโกนเรียกร้องให้บริษัทเร่งคืนเงิน และหากดีเอสไอยังไม่รับเป็นคดีพิเศษผู้เสียหายจะมาระบายความเครียดที่หน้ากรมฯ

นายรณณงค์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบหน้าเพจเว็บไซต์ของบริษัทพบว่ามีสมาชิก 3 หมื่นราย มีเงินลงทุนหมุนเวียน 4 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทเสนอเงินปันผลให้ร้อยละ 10 ต่อเดือนของเงินลงทุน ทำให้มีผู้หลงเชื่อลงทุนขั้นต่ำ 5 หมื่นบาท ดีเอสไอควรพิจารณารับเป็นคดีพิเศษอย่างรวดเร็ว เพราะคดีนี้เข้าร้องทุกข์ก่อนแชร์แม่มณี อีกทั้งเป็นคดีที่มีความสลับซับซ้อน มีการโอนเงินและการกระทำผิดบางอย่างเกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบหลักฐานได้ด้วยวิธีการปกติ จำเป็นต้องเรียกร้องให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวทำธุรกิจอะไร มีกำไรและเสียภาษีอย่างไร จึงเสนอเงินปันผลได้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด

“ในส่วนของดาราที่ปรากฏภาพถ่ายรูปร่วมกับซีอีโอบริษัท ตนไม่ทราบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับแชร์ฟอเรสซ์หรือไม่ แต่ควรจะออกมาชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจนว่า รู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้บริหาร หรือถูกจ้างให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งแฟนคลับบางคนนำเงินไปลงทุนในแชร์ฟอเรสซ์ เพราะลงทุนตามดาราที่ชื่นชอบ และน่าเชื่อว่าดาราและคนมีสีบางคนอาจเป็นผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนด้วย แต่ไม่กล้าออกมาเปิดเผย” นายรณรงค์กล่าว

ขณะที่ผู้เสียหาย กล่าวว่า มีคนรู้จักชักชวนให้ร่วมลงทุนฟอเรกซ์ จึงหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนเห็นว่าได้ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ก็คิดว่าไม่น่าจะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะบริษัทเปิดกิจการมาแล้ว 4 ปีแล้ว จึงลงทุนครั้งแรกด้วยเงินขั้นต่ำ 5 หมื่นบาทในเดือนเม.ย.62 และได้รับเงินปันผลจริง โดยจ่ายผ่านระบบพร้อมเพย์ จึงลงทุนเพิ่มรวมทั้งสิ้น 6 หลัก แต่ได้รับเงินปันผลแค่ 2 ครั้ง เมื่อสอบถามไปทางบริษัทแอดมินตอบกลับมาว่าระบบจ่ายเงินปันผลจะเสร็จในเดือนก.ค. แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ และติดต่อผู้บริหารบริษัทไม่ได้ กระทั่งบริษัทติดต่อนัดผู้เสียหายรับเงินวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่กลุ่มผู้เสียหายเกรงว่าจะเป็นการให้เงินบางส่วนเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมาแจ้งความ จึงไม่ได้เข้าไปรับเงิน

ส่วนที่มีดาราเกี่ยวข้องกับแชร์ฟอเรกซ์นั้น ตนเห็นแค่รูปดาราที่ถ่ายกับซีอีโอของบริษัท แต่ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องเป็นหุ้นส่วนของบริษัทหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 16 ต.ค.มีดาราหลายคนเข้ามาในกลุ่มไลน์ของผู้เสียหาย เมื่อสอบถามไปทราบว่ากลุ่มดาราก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกันและได้รับเงินคืนแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในส่วนของแชร์ฟอเรกซ์ จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อรับเป็นคดีพิเศษ