ชิลียกเลิก‘เอเปค’ ลุ้นดีลการค้าสหรัฐ-จีน

ชิลียกเลิก‘เอเปค’  ลุ้นดีลการค้าสหรัฐ-จีน

ชิลียกเลิก‘เอเปค’ ลุ้นดีลการค้าสหรัฐ-จีน โดยสหรัฐต้องการคงกรอบเวลาการลงนามเป็นวันที่ 16-17 พ.ย.แต่กำลังมองหาสถานที่ลงนามใหม่

การประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย. ที่ประเทศชิลี ถูกจับตามองมากเนื่องจากคาดกันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะหารือกันเรื่องข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่สองประเทศใกล้ได้ข้อสรุปเต็มที

แต่กลายเป็นว่าประธานาธิบดีเซบัสเตียน พิญเญรา ของชิลีประกาศเมื่อวันพุธ (30 ต.ค.) ยกเลิกเป็นเจ้าภาพการประชุมเนื่องจากเกิดเหตุประท้วงยืดเยื้อ

“นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากยิ่ง แต่อยู่บนพื้นฐานหลักการแห่งสามัญสำนึกอันควรจะเป็น ประธานาธิบดีจะต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมชาติเหนือสิ่งอื่นใด เรากังวลเรื่องการฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ความปลอดภัยของพลเมือง และสันติสุขในสังคม โดยใช้วาระนโยบายทางสังคมตอบสนองข้อเรียกร้องของพลเมือง”

ชนวนเหตุประท้วงมาจากรัฐบาลชิลีประกาศขึ้นค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้ประชาชนไม่พอใจออกมาต่อต้านทั่วประเทศ สัปดาห์ก่อนรัฐบาลชิลีจำต้องขยายประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปอีกหลายเมือง

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่ชิลียกเลิกเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเอเปค ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า แล้วผู้นำสหรัฐกับจีนจะพบกันเพื่อลงนามข้อตกลงการค้าที่สำคัญฉบับนี้เมื่อใด

ไม่กี่วันก่อนทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐใกล้ได้ข้อตกลงเฟซ 1 อันสำคัญยิ่งกับจีนแล้ว ลงนามกันเมื่อใดก็เริ่มเฟส 2 ได้แทบจะทันที ข้อตกลงฉบับนี้จะแก้ไขปัญหาทรัพย์สินทางปัญญา และบริการภาคการเงิน โดยจีนรับปากซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐมูลค่า 4-5 หมื่นล้านดอลลาร์

ไม่พูดเปล่าสหรัฐยังยกเลิกแผนเพิ่มภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค.ด้วย

ส่วนการยกเลิกเอเปค โฆษกทำเนียบขาวเผยกับซีเอ็นบีซีว่า เอเปคไม่ได้มีการเตรียมสถานที่สำรองเอาไว้ แต่สหรัฐและจีนยังคงร่วมงานกันเพื่อให้ข้อตกลงเฟส 1 ได้ข้อสรุป

“เรารอคอยสรุปข้อตกลงการค้าฉบับประวัติศาสตร์กับจีนเฟสแรกตามกรอบเวลาเดิม แล้วจะประกาศให้ทราบ” โฆษกกล่าว

เมื่อวันจันทร์ (28 ต.ค.) สหรัฐประกาศด้วยว่า กำลังพิจารณาขยายเวลายกเว้นภาษีกับสินค้าจีนมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงที่สองชาติกำลังหาทางทำข้อตกลงการค้ากัน ทั้งนี้ ข้อยกเว้นที่สหรัฐไม่ขึ้นภาษีสินค้าจีนเกือบ 1,000 ชนิดจะสิ้นสุดลงในเดือน ธ.ค.นี้

ไม่ผิดนักหากจะพูดว่า การยกเลิกเอเปคของชิลี ส่งผลกระทบต่อโอกาสผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจ ถ้าสถานการณ์ไม่รุนแรงจริงๆ คงไม่มีรัฐบาลใดประกาศยกเลิกงานใหญ่ขนาดนี้ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับชิลี

เมื่อเอเปคยกเลิกเท่ากับว่า ทรัมป์และสี ไม่มีโอกาสเจอกันในประเทศที่เป็นกลางในเร็วๆ นี้ กระนั้นรัฐบาลทรัมป์ยังคาดว่า จะลงนามข้อตกลงกับจีนในเดือนหน้า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งเผยกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลวอชิงตันประหลาดใจที่ชิลียกเลิกการประชุม

การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนของชิลี เกิดขึ้นจากเหตุจลาจลต่อต้านความเหลื่อมล้ำมานานหลายสัปดาห์ ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ประเทศสมาชิกเอเปคเริ่มไม่แน่ใจ สถานที่สำรองก็ไม่มี

นอกจากเป็นเจ้าภาพเอเปคแล้ว วันที่ 2-3 ธ.ค.ชิลีต้องเป็นเจ้าภาพจัดประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ “คอป25” ด้วย

เหตุจลาจลทำให้ต้องปิดพื้นที่หลายส่วนในกรุงซันติอาโก ระบบรถไฟใต้ดินเสียหายเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ ประชาชนถูกจับกุมรวม 7,000 คน ธุรกิจเสียหายราว 1.4 พันล้านดอลลาร์

นักการทูตต่างชาติรายหนึ่งในชิลีกล่าวว่า รู้สึกเสียใจมากกว่าโกรธที่รัฐบาลซันติอาโกสั่งยกเลิกการประชุม เขาและคนอื่นพลอยโล่งอกเพราะห่วงเรื่องการขนส่งและความปลอดภัยในเมืองหลวงในช่วงเกิดเหตุไม่สงบ

จอร์จ ไฮน์ อดีตรัฐมนตรีชิลีที่ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์อยู่ที่วิทยาลัยพาร์ดี มหาวิทยาลัยบอสตันกล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกประชุมส่งผลกระทบใหญ่หลวง

“การประชุมระดับซัมมิตไม่อาจจัดใหม่ได้อีก หัวหน้ารัฐบาลแต่ละประเทศล้วนมีตารางทำงานแน่น ความน่าเชื่อถือของชิลีในฐานะตัวแสดงและคู่เจรจาที่เอาจริงเอาจังในเวทีระหว่างประเทศต้องถดถอยลง ยากที่จะฟื้นคืนได้ง่ายๆ”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-ทำเนียบขาวยัน 'ทรัมป์-สี จิ้นผิง' ลงนามการค้าเดือนหน้า

-ตลาดหุ้นซานติอาโกทรุดหนัก หลังผู้นำชิลียกเลิกประชุมเอเปค

-สื่อเผย“ทรัมป์-สี”อาจไม่ลงนามการค้าในประชุมเอเปค

-กูรูฟันธงหุ้นสหรัฐทรุดหนักหาก“ทรัมป์”พ่ายเลือกตั้งปีหน้า

-กังวลเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนฉุดดาวโจนส์ร่วง