“สภาวิศวกร” หวั่น พ.ร.บ.อีอีซี เปิดช่องต่างชาติเลี่ยงรับผิด
สภาวิศวกร ห่วง พ.ร.บ.อีอีซี เปิดช่องวิศวกรต่างชาติหลีกเลี่ยงกฎหมายไทย ไม่รับผิดชอบความเสียหาย แนะรัฐเร่งปิดช่องโหว่ กำหนดสัดส่วนการใช้วิศวกรไทย
นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาวิศวกร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยระกว่างการเสวนานาในหัวข้อ “โครงการเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ วิศวกรไทยได้หรือเสีย” ว่า พร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 มาตรา 59 และมาตรา 54 , 55 เปิดช่องให้ต่างชาติมาทำงานได้ และได้รับยกเว้นหลายเรื่อง ซึ่งเปิดกว้างมากและกฎหมายนี้มีผลระยะยาว หากวิศวกรต่างชาติได้ใบอนุญาตจากประเทศตัวเองแล้วไม่ต้องมาขอใบอนุญาตที่ไทย
ทั้งนี้ อีอีซี เป็นโครงการต้นแบบที่จะขยายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ซึ่งกังวลว่าในพื้นที่เหล่านี้วิศวกรต่างชาติจะได้สิทธิพิเศษเช่นกัน ซึ่งยังประเมินไม่ได้ว่าจะกระทบกับวิศวกรไทยแค่ไหน โดยภาครัฐควรกำหนดให้นำเข้าวิศวกรในสาขาที่ไทยยังไม่เชี่ยวชาญ จากนั้นต้องฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้วิศวกรไทย เพื่อให้วิศวกรไทยเข้ามาทำงานและให้วิศวกรต่างชาติกลับประเทศ
สำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะมีภาคเอกชนไทยเข้ามาร่วมลงทุน ดังนั้นจึงใช้วิศวกรไทยเป็นหลัก แต่จะนำเข้าวิศวกรสาขาใหม่ที่ไทยยังไม่มีความรู้ จึงอาจไม่กระทบวิศวกรไทยนัก
แนะคุมวิศวกรต่างชาติ
นายวัลลภ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วง คือ ความรับผิดชอบของวิศวกรตามกฎหมายของไทย ที่กำหนดให้วิศวกรที่เซ็นต์ชื่อในโครงการต่างๆจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นหากเป็นความผิดที่มาจากการออกแบบ การควบคุมการก่อสร้างตลอดอายุของสิ่งปลูกสร้าง หากพังทลายหรือสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน จะต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด แต่หากเป็นวิศวกรต่างชาติสามารถบินกลับประเทศหนีไปได้ง่าย ซึ่งในต่างประเทศก็เคยเกิดกรณีแบบนี้มาแล้ว ดังนั้นต้องวางมาตรการป้องกันปัญหาเหล่านี้
โดยในขณะนี้ วิศวกรไทยสามารถสร้างโครงการรถไฟ และรถไฟฟ้าทุกชนิดที่มีความเร็วต่ำกว่า 160 กม./ชม.ส่วนรถไฟความเร็วสูงระดับ 250 กม./ชม.ขึ้นไป ยังไม่เชี่ยวชาญต้องรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งรถไฟความเร็วสูงช่วงดอนเมือง–นครราชสีมา เหมาะสมแล้วที่จะให้ต่างชาติทำ แต่ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ควรให้วิศวกรไทยออกแบบและใช้วัสดุไทย
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า การลงทุนขนาดใหญ่มีหลายโครงการ แต่ที่ผ่านมาพบข้อจำกัดในการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านวิศวกรรม ทั้งในขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง และการผลิตแก่วิศวกรไทย อันเป็นผลให้ประเทศไทย มีความจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและนำเข้าสิ่งก่อสร้างจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศระยะเร่งด่วน 8 ปี (2558-2565) มีจำนวนถึง 44 โครงการ วงเงิน 1.974 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาด้านการขนส่งทางถนน ระบบราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ในอีอีซีที่จะมีอีกหลายโครงการ