ศาลคดีทุจริตรับฟ้อง 7 กกต.ละเว้นหน้าที่ เปิดบรรทัดฐานใหม่ ดำเนินคดีองค์กรอิสระ

ศาลคดีทุจริตรับฟ้อง 7 กกต.ละเว้นหน้าที่  เปิดบรรทัดฐานใหม่ ดำเนินคดีองค์กรอิสระ

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง รับคำร้องพิจารณากรณี หน.พรรคประชาธิปไตยใหม่ฟ้อง กกต.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบปมรับรองคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้อ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ วท. 12/ 2562 ลงวันที่ 4 ก.ย. 2562 ในคดีที่นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กับพวกรวม 2 คนยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพวกซึ่งเป็น กกต. รวม 7 คน เพื่อขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 7 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้ง 7 มีกำหนด 20 ปี

โดยศาลชั้นต้นเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ จึงมีคำสั่งให้ส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ เพื่อให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 2559

ประธานศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กกต. เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ(รธน.) 2560 มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ รธน. เมื่อนายอิทธิพล และพวกรวม หรือจำเลยทั้ง 7 คนใน กกต. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 7 จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ตรวจคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นบุคคล ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)แจ้งว่าจะเสนอสภาฯ พิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และร่วมกันออกประกาศ กกต. เรื่องการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอเป็นนายกฯ เพื่อให้เป็นคุณแก่พรรค พปชร. ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 มี.ค. 2562 (เลือกตั้งล่วงหน้า) และในวันที่ 24 มี.ค.2562 (เลือกตั้งทั่วไป) 

ทั้งที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบการคัดเลือก พล.อ.ประยุทธ์ แต่จำเลยทั้ง 7 ก็มิได้วินิจฉัยชี้ขาดข้อโต้แย้งดังกล่าว จำเลยทั้ง 7 รับทราบข้อโต้แย้งแล้ว แต่ไม่ดำเนินการตามหน้าที่ สั่งให้ระงับยับยั้งหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต 

จึงเป็นกรณีที่มูลความแห่งคดีเป็นการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่ง รธน. และเมื่อผู้ฟ้องไม่ใช่อัยการสูงสุด หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)  คดีนี้จึงเป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2555 จึงมีคำสั่งให้รับคดีไว้ตรวจฟ้องนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา (ในชั้นตรวจฟ้อง) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) กล่าวว่า ในฐานะที่เคยยื่นหนังสือคัดค้านการประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้เพิกถอนชื่อดังกล่าวต่อ กกต. ได้ทราบคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ ที่วินิจฉัยให้คดีฟ้อง กกต.เป็นคดีอยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ประชาชนสามารถฟ้องเองได้ อาจถือว่าเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่รับรองถึงการใช้สิทธิฟ้ององค์กรอิสระต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้โดยตรง แม้โจทก์ที่ยื่นฟ้องคดี ปัจจุบันได้เป็น ส.ส.ได้ถอนฟ้อง กกต.ทั้ง 7 คนแล้ว แต่คำวินิจฉัยนี้จะเป็นบรรทัดฐานว่าด้วยผู้มีอำนาจฟ้องคดีที่สำคัญต่อไป