ปตท.สผ.แจ้งกำไรแตะ 1.1 หมื่นลบ.หวังยอดขายปีนี้ 3.45 แสนบาร์เรล/วัน

ปตท.สผ.แจ้งกำไรแตะ 1.1 หมื่นลบ.หวังยอดขายปีนี้ 3.45 แสนบาร์เรล/วัน

"ปตท.สารวจและผลิตปิโตรเลียม" แจ้งงบไตรมาส 3/62 มีกำไร 1.1 หมื่นลบ. โต 5.94% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังปริมาณการขายเพิ่มจากโครงการมาเลเซียซื้อ Murfy- บงกช พร้อมประเมินปีนี้ปริมาณการขายเฉลี่ยแตะ 345,000 บาร์เรลต่อวัน หนุนอีบิด้ามาจิ้นอยู่ที่ 70-75%

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สารวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ว่า ในไตรมาส 3/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 358 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 11,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.94% จากไตรมาสที่ 3/2561 ที่มีกำไรสุทธิ 315 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 10,401 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 19,837 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 606,862 ล้านบาท) โดยมีส่วนที่เป็นเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น 2,093 ล้านดอลลาร์  (เทียบเท่า 64,020 ล้านบาท) มีหนี้สินรวม 7,877 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 240,965 ล้านบาท) โดยเป็นส่วนของหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจานวน 2,197 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 67,214 ล้านบาท) และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 11,960 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 365,897 ล้านบาท)

ขณะที่ในงวดดังกล่าวมีปริมาณการขายเฉลี่ย 304,940 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน พบว่าปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยหลักจากโครงการมาเลเซียจากการเข้าซื้อธุรกิจ Murphy Oil Corporation (Murphy) และโครงการบงกช สำหรับราคาขายเฉลี่ยลดลงเป็น 46.03 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ส่วนค่าใช้จ่ายในการสารวจปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 40 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการตัดจำหน่ายหลุมสำรวจจำนวน 3 หลุม ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 29 ล้านดอลลาร์  ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 25 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องกับพนักงานเพิ่มขึ้น

ส่วนสำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดเดือนกันยายน ปี 2562   มีกำไรสุทธิ 1,185 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 334 ล้านดอลลาร์ หรือ 39% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดเดือนกันยายน ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 851 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,066 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ 119 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้แนวโน้มปี 2562 คาดว่าปริมาณาการขายเฉลี่ยของ PTTEP อยู่ที่ 345,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการ Murphy ราคาก๊าซอยู่ที่ประมาณ 6.9 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ส่วนต้นทุนปีนี้จะรักษาไว้ที่ 31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้าน EBITDA Margin อยู่ที่ 70-75% ส่วนสำหรับแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในปี 2562 คาดว่าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60 – 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสถานการณ์ LNG ในตลาดโลกยังคงอยู่ในสภาวะล้นตลาดไปจนถึงปี 2565 - 2566  ส่งผลให้ราคา LNG คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ โดยตลาดคาดว่าราคา Asian Spot LNG เฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 - 6.2 ดอลลาร์ ต่อล้านบีทียู