'เผดิมชัย' เผยคืนสนามส.ส. เพราะไม่ทิ้งฐานประชาชน

'เผดิมชัย' เผยคืนสนามส.ส. เพราะไม่ทิ้งฐานประชาชน

“เผดิมชัย” เข้ารับหนังสือรับรองเป็น ส.ส.แล้ว พร้อมเดินสายขอบคุณ-รับฟังปัญหา เย้ยชนะการเลือกตั้งซ่อมเพราะประชาชนสะท้อนจากตัวส.ส. 6 เดือน ทำงานได้จริงตามที่เคยหาเสียงหรือไม่

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.62 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.เขต 5 นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา เข้ารับหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกส.ส. ที่ชั้น5 สำนักงานกกต. โดยนายเผดิมชัย กล่าวว่า ขอขอบคุณชาว จ.นครปฐม ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิกว่าร้อยละ 70 % เมื่อเทียบเคียงแล้วถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ได้รับเลือกเป็นส.ส.แล้ว สิ่งแรกที่จะทำคือการขอบคุณชาวบ้านทั้งหมดในทุกที่และทุกตำบล ทั้ง 14 แห่ง รวมทั้งไปพูดคุยสอบถามปัญหาต่างๆ ตามที่เคยได้เคยลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงกับประชาชน เพื่อรับทราบปัญหาและนำปัญหาไปแก้ไข ถ้ามีปัญหาก็สามารถบอกได้ ยินดีพร้อมให้คำปรึกษากับประชาชนว่าอะไรที่ทำได้ในทางปฏิบัติตนก็ยินดี พร้อมทำอย่างเต็มที่ให้กับทุกคะแนนเสียงที่ได้รับเลือกมา

เมื่อถามว่าการที่เคยแพ้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. แล้วพลิกกลับมาชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่23 ต.ค. ที่ผ่านมา สะท้อนอะไรในพื้นที่ นายเผดิมชัย กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่ได้หมายความว่าการเป็นส.ส.เก่าจะได้เปรียบ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนได้มีการตรวจสอบ มีการพิจารณาว่าเมื่อเลือกไปแล้วประชาชนรู้สึกผิดหวังหรือไม่ ได้รับปากหรือปฏิบัติตามที่ได้เคยแจ้งไว้กับประชาชนหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น รวมถึงเรื่องงานประเพณีต่างๆ เช่น งานบวช งานศพ หากเราทิ้งตรงนี้ไปคะแนนก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นระยะเวลาการเลือกตั้งที่ห่างกันกว่า 6 เดือนก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลง

นายเผดิมชัย กล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทั้งเรื่องของความพร้อม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาว่าจะเป็นเมื่อไหร่ โดยตระกูลสะสมทรัพย์ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยเล่นการเมืองท้องถิ่นมาก่อน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีเด็กรุ่นใหม่ รุ่นลูกรุ่นหลาน คนที่สนใจการเมือง บางที่ห้ามไม่ได้ว่ามีตระกูลอะไร อยู่ที่ใจรักที่จะลงเล่นการเมือง รวมถึงอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า