ตร.รวบ 3 ผู้ต้องหาลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ากว่า 7 ล้าน

ตร.รวบ 3 ผู้ต้องหาลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ากว่า 7 ล้าน

ตร.รวบ 3 ผู้ต้องหาลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ทางออนไลน์ มูลค่ากว่า 7 ล้าน เผยโฉมบุหรี่ไฟฟ้าแบบนาฬิกา ใช้อำพรางเลี่ยงการถูกจับกุม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 ต.ค.2562 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พล.ต.อ.สุวโรจน์ โชติกาญจนรัศมิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน (ผกก.สน.ตลิ่งชัน) และตำรวจชุดสืบสวน สน.ตลิ่งชัน ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายสิริพงษ์ สว่างทวีวงศ์ อายุ 25 ปี นายสุเทพ สว่างทวีวงศ์ อายุ 23 ปี และนายธนนันท์ แซ่จาง อายุ 23 ปีพร้อมด้วย 1.บุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ UWELL จำนวน 4,600 ชิ้น 2.บุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ UWELL แบบนาฬิกา จำนวน 400 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ Get Lommod จำนวน 418 ชิ้น 4.อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า(หัวดูด) จำนวน 2,684 ชิ้น 5.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 4,271 ขวด สามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 25/89 บริเวณหมู่บ้านปิ่นเกล้า เฟส 1 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.สุวโรจน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้สั่งการให้มีการปิดล้อมตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย และกวาดล้างอาชญากรรม ทั้งนี้ทาง สน.ตลิ่งชัน จึงได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และพบว่า มีเยาวชนลักลอบนำบุหรี่มาสูบกัน ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งทำลายเยาวชน หลังจากทำการสืบสวนทำให้ทราบว่า มีแหล่งจำหน่ายอยู่ในพื้นที่ตลิ่งชัน จึงได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนขอหมายค้นจากศาลจังหวัดตลิ่งชัน เข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายย่านปิ่นเกล้า

ทั้งนี้ ขณะเข้าตรวจค้น พบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยเฉพาะในรูปแบบใหม่ๆ ออกมาเป็นรูปแบบนาฬิกาซึ่งมีน้ำยาอยู่ภายใน เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม และจากการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก รวมมูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน จากการตรวจสอบมีชื่อลูกค้าจำนวนมาก และสินค้าประเภทนี้กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นที่รณรงค์ให้ลดละเลิกบุหรี่ แต่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่คิดว่าไม่มีโทษต่อร่างกาย แต่ความจริงแล้วตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ถือว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายมากกว่าบุหรี่ที่ขายกันตามท้องตลาดทั่วไป

 

ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการจับกุมการลักลอบกระทำความผิดทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเป็นการจับกุมสินค้าควบคุมที่เป็นสินค้าต้องห้าม และเป็นการกระทำตาม พ.ร.บ.ศุลกากร เรื่องลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาและอุปกรณ์ พฤติการณ์จะติดต่อกับลูกค้าผ่านทางสื่อออนไลน์ โดยเช่าบ้านเพื่อไว้เก็บบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ารวมประมาณ 7 ล้านบาท สำหรับบุหรี่ไฟฟ้าบางส่วนที่ยึดได้นั้น มีรูปแบบเป็นนาฬิกา ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตนก็เพิ่งเห็น ที่สำคัญ คือ คนเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่จริงๆไม่ใช่ เป็นสินค้าควบคุมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบนำสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาและอุปกรณ์ มาจากประเทศมาเลเซียและจีน โดยนำมาขายผ่านทางเว็บชื่อเพจ Ssmoke x VapeBangkok ขายได้ประมาณ 4-5 แสนบาทต่อวัน เช่าบ้านหลังดังกล่าวในราคาเดือนละ 70,000 บาท เพื่อไว้เก็บและจัดจำหน่ายสินค้า โดยใช้วิธีส่งสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ ทำมาแล้วประมาณ 2-3 เดือน ก่อนมาถูกจับกุม

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย และสินค้านั้นเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค” (อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 36,56 แก้ไขเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่3)พ.ศ.2556 มาตรา 6,7,9 คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ลง 28 ม.ค. 58) และ “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษีหรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องก็ดีหรือเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวแก่ของนั้นก็ดี (ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2559)” คุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่ง พงส.สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย