บริษัทไทยอ่วม 'กำไร-รายได้' ทรุด พิษ 'เทรดวอร์-บาทแข็ง'

บริษัทไทยอ่วม 'กำไร-รายได้' ทรุด พิษ 'เทรดวอร์-บาทแข็ง'

บริษัทไทยอ่วมพิษเศรษฐกิจโลกชะลอ-สงครามการค้า ค่าเงินบาทแข็ง ฉุดยอดขาย รายได้ กำไรไตรมาส 3 ร่วงหนัก

ผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก และเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกเป็นหลัก

ล่าสุด บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ DELTA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 618 ล้านบาท ลดลง 63.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,680ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดขายสินค้าและบริการที่ลดลง 9.6% เนื่องจากลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้า จากลูกค้าในผลิตภัณฑ์ครื่องมือช่างอุตสาหกรรม (Industrial Too) เพาเวอร์โซลูชั่นสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Power Solutions) และเพาเวอร์โซลูชั่นสำหรับโทรคมนาคม (Telecom Power Solutions) เป็นต้นนอกจากนี้ยังเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการขาย และค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้น

ด้านนาย รุ่งโรจน์ รังสิโยภาสกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC แจ้งว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ ในไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 6,204.39 ล้านบาท ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 9,473.02 ล้านบาท เนื่องจาก ธุรกิจเคมิคอลส์ มีผลการดำเนินงานลดลง เพราะ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน ในบริษัทร่วมลดลง 2,022 ล้านบาท และส่วนต่างราคาสินค้าลดลง

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน 2562 มีกำไรสุทธิ 24,910 ล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ จำนวน 762 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเซรามิกในปต่างประเทศ และความกังวลจากสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ของทั้งบริษัทย่อย และบริษัทร่วม และมียอดขายรวม 3.32 แสนล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจปิโตรเคมีนับว่ามีสัดส่วนกำไรสูงที่สุด 53% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 19% ธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง 17% ที่เหลือเป็นอื่น ๆ 11% โดยธุรกิจปิโตรเคมีที่อยู่ในช่วงวัฎจักรขาลง และเงินบาทที่แข็งค่า ฉุดกำไรและรายได้ลดลง

สำหรับในช่วงไตรมาส 4/62 ธุรกิจปิโตรเคมีมาร์จิ้นยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากไตรมาส 3 ที่ส่วนต่าง (สเปรด) ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE และแนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบอยู่ที่ 457 ดอลลาร์/ตัน โดยราคาผลิตภัณฑ์และต้นทุนยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง สงครามการค้า ทำให้ราคาน้ำมันและแนฟทามีความผันผวนสูง ขณะที่ความต้องการใช้ยังมีการเติบโตในระดับต่ำ