อ่อนตัว

อ่อนตัว

Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน โดยมีจุดตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Negative และคาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวต้าน 1600 / 1605 จุด แนวรับ 1580 / 1575 จุด เป็นผลจาก 1) สัญญาณเทคนิคเกิด Sell Signal และกดดันดัชนีฯเคลื่อนไหวในกรอบ 1560-1605 จุด 2) โมเมนตัมลบต่อกลุ่มส่งออกและเศรษฐกิจ หลังปธน.สหรัฐฯ ประกาศลดสิทธิพิเศษภาษี GSP ไทย 3) ความเสี่ยงที่อาร์เจนติน่า อาจผิดนัดชำระหนี้มีสูงขึ้น หลัง Exit Poll ชี้หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมีคะแนนนำ 4) Brexit อียูมีมติขยายเส้นตาย แต่ยังไม่กำหนดเวลาเส้นตายใหม่ที่แน่นอน เพื่อรอผลโหวตเลือกตั้งใหม่ของสภาอังกฤษคืนนี้ ส่วนปัจจัยบวก คือ ผลการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯ มีความคืบหน้ามากตลาดคาดว่าผลประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% และรายงานผลกำไรบจ.สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด เป็นปัจจัยสนับสนุน

ประเด็นสำคัญวันนี้: Earnings: HSBC, Alphabet  UK: สภาฯ โหวตเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 12 ธ.ค.   จีน: สภาคอมมิวนิสต์ประชุมหารือเรื่องฮ่องกง (จนถึงวันที่ 31 ต.ค.)

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวันศุกร์

ตลาดหุ้นไทย ปรับลดลงตลอดการซื้อขาย ก่อนมาปิดตลาดใกล้ระดับต่ำสุดของวันที่ 1593.28 จุด -27.69 จุด หรือ -1.71% วอลุ่ม 7.66 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มรับเหมาฯ -5.31% ปิโตรเคมี -3.55% วัสดุก่อสร้าง -2.82% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -2.6% พาณิชย์ -2.44%

ประเด็นสำคัญ

+ ตลาดหุ้นโลกปิดบวกต่อเนื่อง: ผลเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้าและรายงานผลกำไรบจ. ที่ดีกว่าคาด ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJ +0.57%
S&P500 +0.41% Nasdaq +0.7% ส่วนตลาดหุ้นยุโรป DAX +0.17% CAC40 +0.67% รับข่าว Ifo รายงานดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ต.ค. สูงกว่าคาด (94.6 Vs คาด 94.5) ราคาน้ำมันดิบและทองคำปรับขึ้นต่อเนื่อง WTI +USD0.43 ปิด USD56.66/บาร์เรล Brent +USD0.35 ปิด USD62.02/บาร์เรล วิตกอุปทานตึงตัวและราคาทองคำ +USD0.06 ปิดUSD1,505.3/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนแอ (สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปดีสุด FTSE +2.43% WoW DAX +2.07% WoW รองลงมาคือตลาดหุ้นสหรัฐฯ Nasdaq +1.9% WoW S&P500 +1.22%WoW DJ +0.7% WoW ส่วนตลาดหุ้นไทยแย่สุด SET -2.34% WoW)

- ไทย: IMF ปรับลดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 2.9% จากเดิม 3.5% และคาดว่าปี 2020 เติบโต 3% เนื่องจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ แต่ไทยมีพื้นที่ทางการคลังที่สามารถดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ช่วยลดแรงกระแทกเศรษฐกิจขาลงได้

+ Trade war: USTR แถลงว่าสหรัฐฯ และจีน มีความคืบหน้าในการเจรจาและใกล้เสร็จสิ้นการทำข้อตกลงบางส่วนในขั้นแรก หลังมีการเดินหน้าเจรจาระหว่างระดับ Deputy
level ส่วนรมว. คลัง และรองนายกฯ หลิว เหอ จะมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ต่อไป

- Brexit: อียูมีมติให้เลื่อนเส้นตายออกไป ส่วนกำหนดเส้นตายใหม่ยังไม่กำหนดโดยฝรั่งเศสเสนอให้รอผลโหวตสภาอังกฤษ เรื่องการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 12 ธ.ค. ก่อน
ตัดสินใจ

- ไทย: สหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิพิเศษทางภาษีหรือ GSP ต่อสินค้าส่งออกบางประเภทของไทย นำโดยสินค้าอาหารทะเล มีผลบังคับใช้ใน 6 เดือนข้างหน้า ส่วนกระทรวง
พาณิชย์แจงผลกระทบเพียง 1.8 พันล้านบาท (ภาษีศุลกากรที่ต้องจ่าย) ไม่ใช่ 4 หมื่นล้านบาท (ตัวเลขส่งออกไปสหรัฐฯ ของ 573 รายการ) โดยไทยได้สิทธิ์ 3500 รายการ
แต่ใช้จริงเพียง 1,285 รายการ

- อาร์เจนติน่า: ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีวันอาทิตย์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risks) USD57bn ของ IMF อิง Exit Poll ล่าสุดพบว่าผู้นำพรรคฝ่ายค้าน
Fernandez ที่เน้นนโยบายประชานิยม มีคะแนนนำปธน, คนปัจจุบัน Mauricio Macri

กลยุทธ์: Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน โดยมีจุดตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)

        หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: TASCO TISCO DTAC

        หุ้นโมเมนตัมบวก: MALEE MAJOR BEM

        หุ้นโมเมนตัมลบ: IVL RBF STEC TOP CKP CK DOHOME IRPC PTG BH CENTEL AMATA RS BCPG TKN ESSO

         Derivatives: แนะเปิด Short S50Z19 เก็งกำไรช่วง 10:30-11:00น. (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)