'10ดีลใหญ่' ดันรายได้ค่าฟี 'กสิกร' พุ่ง

นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า แนวโน้มสายงานวาณิชธนกิจของธนาคารในช่วงปี 2562 ค่อนข้างเติบโตมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีดีลที่รับมาจำนวนมากและมูลค่าขนาดใหญ่ ทั้งการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) การควบรวมกิจการ การเพิ่มทุนกองทุน รวมถึงการจัดตั้งกองทุนรีทใหม่ สำหรับปีนี้ มีงานเข้ามารวมกันประมาณ 10 ดีล ดังนั้นจะส่งผลดีต่อรายได้และรายได้ค่าธรรมเนียมของสายงานวณิชธนกิจในปีนี้ยังเติบโตดีต่อเนื่องจากช่วงปีก่อนด้วย

โดยในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ ธนาคารสามารถบริหารจัดการดีลต่างๆ ไปแล้วประมาณ 6 ดีล และในช่วงสองเดือนสุดท้าย เดือนพ.ย.- ธ.ค. 2562 ยังเหลืออีก4 ดีล ที่จะบริหารให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ แบ่งเป็น การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบริษัทที่จะเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 3 บริษัท เกี่ยวของกับ ธุรกิจบริการ สถาบันการเงิน และธุรกิจคอนซูเมอร์อีก 1 แห่ง ส่วนดีลสุดท้าย เกี่ยวกับการตัดตั้งกองทุนรีทส์ใหม่จำนวน 1 กองทุน

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า 4 ดีลสุดท้ายสามารถบริหารจัดการได้ตามแผน ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี เป็นผลมาจากกระบวนการตามขั้นตอนต่างๆซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน และด้วยในปีนี้มีงานในมือค่อนข้างมากมูลค่ารวมกันก็มีกว่าหลายแสนล้านบาท

นายภานพ กล่าวต่อว่า ทางด้านแนวโน้มธุรกิจในช่วงปี2563 ธุรกิจวาณิชธนกิจของธนาคารยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วงปีนี้ เนื่องจากมีธุรกรรมต่างๆ ทั้งการควบรวมกิจการ การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  กองจัดการตั้งกองรีทซึ่งยังมีช่องวางในการเข้าถึงอีกมาก และเชื่อว่าธนาคารจะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการให้มากเหมือนช่วงปีนี้

“ปีหน้าสายงานสาณิชธนกิจจะมีความท้าทายมากขึ้น และมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ด้วยภาวะตลาดและปัจจัยต่างๆที่เข้ามา สำหรับวาณิชธนกิจของธนาคารกสิกรไทยก็พร้อมเข้าแข่งขัน และมั่นใจว่าจะได้งานมากเหมือนช่วงปีนี้”

นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิรไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนและดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรีท ยังเป็นกองทุนทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน นอกจากรับผลตอบจากการลงทุนแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอจากอัตราเงินปันผลที่เฉลี่ยต่อปีที่5-6% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในขณะนี้  ส่วนแนวโน้มการลงทุนในกองทุนประเภทดังกล่าวช่วงปี2563 ยังคงได้รับการตอบจากนักลงทุนอยู่ เพราะตลาดหุ้นในปีหน้ายังคงมีความผันผวนจากปีนี้

แต่กลยุทธ์การลงทุน ด้วยราคากองทุนประเภทดังกล่าวหลายกองทุนราคาค่อนข้างแพง นักลงทุนควรหาจังหวะในการเข้าลงทุนให้ดี หากไม่เชี่ยวชาญและกังวลในการเข้าลงทุน นักลงทุนสามารถหันไปลงทุนผ่านกองทุนฟันด์ออฟฟันด์ (กองทุนรวมที่นำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหน่วยลงทุนไปลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่จัดตั้งโดย บลจ. อื่น.) แทนได้ เพราะผู้จัดการกองทุนได้คัดเลือกกองทุนในการเข้าลงทุนเป็นอย่างดีแล้ว