เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต

เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในอนาคตโรบอทหรือ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป พลวัตของโลกเปลี่ยนไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้กระทั่งด้านการแพทย์ที่ดูจะเป็นเรื่องยาก อีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจต้องบันทึกประวัติศาสตร์โลกใหม่ก็เป็นได้

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ดูวิดีโอของ Ray Kurzweil นักอนาคตศาสตร์ (Futurist) ซึ่งได้วิเคราะห์อนาคตของเทคโนโลยีต่างๆ ไว้ในวิดีโอ Top 20 predictions from Kurzweil-Future Technologies ซึ่งผมดูแล้วรู้สึกว่ามีความน่าสนใจมาก เพราะการคาดการณ์ของเขาได้เกิดขึ้นจริงหลายอย่าง

เขาเคยวิเคราะห์ไว้ว่า Microcomputer จะเกิดขึ้นในปี 2019 ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนได้พัฒนาไปไกล สมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องนั้นทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก จนทุกคนเหมือนมีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง แต่ที่ผมมองว่าน่าสนใจมากกว่าคือสิ่งที่เขาวิเคราะห์ ในปี 2020 นั้นเขาพูดถึงเรื่องของ Internet Access ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่

และล่าสุดเมื่อเดือน ..ที่ผ่านมา โปรเจ็คสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ของ Elon Musk ได้ปล่อยโครงการ Starlink ดาวเทียมแบบ Low-Orbit ไปแล้วจำนวน 60 ดวง ซึ่งหากปล่อยดาวเทียมครบทั้ง 12,000 ดวง ก็จะทำให้ใช้อินเทอร์เน็ตครอบคลุมทั้งโลกได้สำเร็จ สอดคล้องกับที่ Ray Kurzweil วิเคราะห์เอาไว้

ในอนาคตอันใกล้ ตั้งแต่ปี 2022 ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ Robot จะเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ในปี 2024 รถยนต์ไร้คนขับจะมาวิ่งบนถนนจริง ซึ่งดูจากแนวโน้มแล้ว ผู้ผลิตยานยนต์หลายเจ้า ก็หันมาเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาและผลิตรถยนต์ไร้คนขับ เช่น Tesla Motor เป็นต้น และในปี 2025 จะมีการฝังหุ่นยนต์หรือคอมพิวเตอร์เข้าไปในร่างกายมนุษย์ อาจจะเป็นไมโครชิปขนาดเล็กหรือนาโนบอท

"เราจะเข้าใกล้ยุคที่มนุษย์จะเป็นอมตะ เพราะเทคโนโลยีก้าวล้ำไปจนการแพทย์รักษาโรคร้ายได้มากขึ้น"

ต่อไปในปี 2029 จะเป็นยุคที่ AI จะถูกพัฒนาให้เก่งขึ้นไปอีกมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเพราะปัจจุบันก็มี Google Duplex ซึ่งเป็นระบบ AI ที่สามารถสั่งงานและตอบโต้ด้วยเสียงกับมนุษย์ได้ด้วยตัวเองทางโทรศัพท์เหมือนเป็นเลขาส่วนตัว เช่น การโทรนัดหมาย การจองคิว และการจองร้านอาหาร เป็นต้น จึงไม่แปลกที่ AI ในอีกสิบปีข้างหน้าจะเก่งขึ้นอีกมาก

ในช่วงปี 2032 การแพทย์จะก้าวหน้ามาก โดยจะสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนาโนบอท (Nanobot) ให้ฝังเข้ามาในร่างกายมนุษย์และจะจัดการกับโรคต่างๆ ได้ ทำการรักษาโรคร้ายในจุดเล็กๆ ที่ปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้ ทำให้คนป่วยน้อยลงและอยู่ได้ยืนยาวขึ้น ต่อไปผมว่าอาจจะมีการปรับยีนต่างๆ ที่ทำให้อายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย

157200302273

ในปี 2037 เขาบอกว่าสมองมนุษย์นั้นจะถูกแคร็กได้ สามารถเข้าไปดูข้อมูลในสมอง และจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นได้ รวมไปถึงการโหลดข้อมูลในสมองไปไว้ในหน่วยความจำภายนอก หรือบน Cloud มาถึงจุดนี้เทคโนโลยีจะพัฒนา แบ่งออกเป็น 2 สายอย่างชัดเจน

อย่างแรกคือ สาย AI อย่างของ Google หรือบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็จะถูกพัฒนาให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ 2 คือ สายที่เป็นหุ่นยนต์ อย่างหุ่นยนต์ที่เป็นไฮไลท์ในงานโอลิมปิกฤดูร้อนโตเกียว 2020 ที่สามารถเดิน, ตีลังกา หรือทรงตัวได้เหมือนมนุษย์

คาดว่าในปี 2038 เราจะสามารถผสมผสานระหว่าง AI และ Robotic สร้างคอนเซปต์ Robotic People หรือการสร้างหุ่นยนต์ออกมาให้เหมือนมนุษย์มากที่สุด แนวคิดจะไปสอดคล้องกับหนังเรื่อง Altered Carbon เป็นหนังที่พูดถึงอนาคตในยุคที่มนุษย์สามารถดาวน์โหลดข้อมูล สมองตัวเองมาไว้ในชิปตัวหนึ่งและฝังไว้ตรงต้นคอ โดยที่จะเอาไปใส่ไว้ในร่างไหนก็ได้ ร่างนั้นคือหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง หากเราต้องการไปอยู่ในร่างไหนก็แค่ถอดชิปไปใส่

และพอถึงปี 2042 หรืออีกประมาณ 23 ปีข้างหน้า เราจะเข้าใกล้ยุค Immortality ที่มนุษย์จะเป็นอมตะ กล่าวได้ 2 อย่างคือ เทคโนโลยีก้าวล้ำไปจนการแพทย์สามารถรักษาโรคร้ายได้มากขึ้น ทำให้คนเจ็บป่วยน้อยลงและอยู่ได้นานขึ้น แต่อีกอย่างหนึ่งที่ผมสนใจมากกว่าคือยุค Formlessness คือ ร่างกายไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไปแล้ว เราสามารถเป็นอมตะได้โดยการที่เจาะเข้าไปในสมองของเรา และดาวน์โหลดข้อมูลในสมองเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ เหมือนใน Matrix ที่เราสามารถย้ายร่างกายไปที่ไหนก็ได้

และประมาณปี 2079-2099 จะเป็นยุคที่ AI เก่งมากจนสามารถพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวแล้ว โลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด จะเกิดนวัตกรรมหรือการสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างจะล้ำมากไม่ต่างจากในวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ที่เราเคยอ่านสมัยเด็กๆ ของ H.G. Wells หรือ Isaac Asimov เลยทีเดียว

*หมายเหตุ : เนื้อหาจากคอลัมน์ Think Byte โดยภาวุธ พงษ์วิทยภานุ