รีบาวด์

รีบาวด์

Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน โดยมีจุดตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Positive และคาดดัชนีฯ รีบาวด์ แนวต้าน 1628 / 1637 จุด แนวรับ 1609 / 1605 จุด (สัญญาณ Stop Loss จะเกิดขึ้นหากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1605 จุด) แม้จะมีปัจจัยลบจากการผิดหวังต่อแนวโน้มผลกำ ไรกลุ่มธนาคารปีหน้าจะยังคงอ่อนแอ และคาดการณ์ 3Q19E GDP จะหดตัว แต่เราคาดว่าหลายปัจจัยแวดล้อมที่เป็นบวก อาทิ 1) การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงมีความคืบหน้า 2) ผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้ามีโอกาสสูงกว่า 90% ที่จะปรับลดดอกเบี้ยฯ อีก 0.25% 3) อีซีบีส่งสัญญาณเริ่ม QE เดือนพ.ย. 4) รายงานผลกำไรบจ.สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด จะเป็นปัจจัยสนับสนุน

ประเด็นสำคัญวันนี้: Earnings: Barclays, สหรัฐฯ-U of Michigan consumer sentiment, เยอรมนี-Ifo business confidence

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทย ปรับลดลงตลอดการซื้อขาย เพราะผิดหวัง Negative Guidance ของ KBANK และแนวโน้มกำไรแย่กว่าคาดของ STEC, TU ส่งผลดัชนีฯ ปิดตลาดที่ระดับ 1620.97 จุด -10.49 จุด หรือ -0.64% วอลุ่มซื้อขาย 7.03 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มรับเหมาฯ-5.12% ธนาคาร -3.95% เกษตรฯ -3.46% ปิโตรฯ -2.03% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.7%

ประเด็นสำคัญ

+ ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ปิดบวกะ: รายงานสินค้าคงทนเดือน ก.ย. ที่แย่กว่าคาด -1.1% (ลดลงสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค.) ผสมกับรายงานผลการดำเนินงานบจ.ที่คละกัน โดย
3M, Twitter รายงานรายได้ทีต่ำกว่าคาด แต่ Microsoft, Paypal รายงานกำไรที่ดีขึ้นส่งผลตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ DJ -0.11% S&P500 +0.19% Nasdaq +0.81% ส่วนตลาดหุ้นยุโรป DAX +0.58% FTSE +0.93% รับข่าวผลกำไรบจ.กลุ่มรถยนต์ เวชภัณฑ์ที่ดีกว่าคาด ส่วนราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวกต่อเนื่อง: WTI +USD0.26 ปิด
USD56.23/บาร์เรล Brent +USD0.50 ปิด USD61.67/บาร์เรล บนการคาดหวังว่าผลประชุมโอเปคเดือน ธ.ค. จะมีการปรับลดการผลิตเพิ่มเติม และราคาทองคำ +USD8.37
ปิด USD1,504.07/ออนซ์ หลังแนวโน้มเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสสูงขึ้น

+ ECB: มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย (refinance) ที่ 0% และดอกเบี้ยที่ธ.พาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.5% รวมถึงย้ำว่าจะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
ตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป นานเท่าที่มีความจำเป็น

+ EU: มาร์กิต เผยดัชนีผจก.ฝ่ายจัดซื้อรวมภาคบริการและการผลิตเบื้องต้นเดือน ต.ค.ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 50.2 (Vs เดือน ก.ย. 50.1) โดยได้แรงหนุนจาก
ภาคบริการอยู่ที่ 51.8 (Vs เดือน ก.ย. 51.6) ส่วนภาคการผลิตทรงตัวที่ 45.7

- สหรัฐฯ: ผลสำรวจของ JP Morgan ต่อ 130 บริษัทโลก เชื่อว่า Global Recession(30%) และผลกระทบของ Trade Tariffs (27%) จะเป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อธุรกิจ

- BREXIT: แนวโน้มจัดการเลือกตั้งใหม่มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. หลังจากนายกฯ จอห์นสัน ส่งจดหมายหารือพรรคฝ่ายค้านเพื่อยุบสภาในวันที่ 6 พ.ย.
(ต้องใช้คะแนนเสียงโหวต 2/3 ของสภา หรือ 434 เสียง)

+ FOMC Meeting: Goldman Sachs ให้โอกาส 95% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณสิ้นสุดการปรับลด
ดอกเบี้ย (end of midcycle adjustment ที่กล่าวถึงตั้งแต่เดือน ก.ค. 2019)

- ไทย: สัญญาณ Negative Guidance ของ KBANK ต่อแนวโน้มกำไรปี 2020 ส่งผลลบต่อราคาหุ้นกลุ่มธนาคารไทยวานนี้ (Downward Revision รอบใหม่)

กลยุทธ์: Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน โดยมีจุดตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)

        หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: OSP HTC JMT

        หุ้นโมเมนตัมบวก: RATCH BCH CKP BFIT TOA INSET GCAP TAPAC

        หุ้นโมเมนตัมลบ: KBANK SCB STEC IVL TU CK GFPT SEAFCO

        Derivatives: แนะรอจังหวะสะสม Long S50Z19 เมื่ออ่อนตัว (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)