เก็งกำไรเชิงตั้งรับโดยเน้นลงทุนรายตัวในหุ้นที่ทิศทางกำไรเป็นบวก ราคาไม่แพง

เก็งกำไรเชิงตั้งรับโดยเน้นลงทุนรายตัวในหุ้นที่ทิศทางกำไรเป็นบวก ราคาไม่แพง

การดำเนินนโยบายผ่อนคลายของธนาคารกลางเป็นตัวช่วยสำคัญ

การประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ครั้งสุดท้ายของนายมาริโอ ดรากี ไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาด (คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0%) พร้อมส่งสัญญาณถึงการเดินหน้ามาตรการ QE ตามกำหนดการณ์เดิมในเดือนหน้า ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุม 30 ต.ค. ซึ่งการดำเนินมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวคาดเป็นปัจจัยสำคัญช่วงประคองบรรยากาศลงทุนในช่วงที่ผลการดำเนินงานและเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน

กลุ่มธนาคารมีความเสี่ยงต่อการปรับประมาณการและคำแนะนำ หลัง KBANK  มีการแจ้งเป้าหมายทางการเงินของปี 2563 ซึ่งตัวเลขหลายๆตัวแย่กว่าตอนปี 2562 ครับ อาทิ เป้าหมาย NIM เหลือ 3.1-3.3% (จาก 3.3-3.5%), การเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียม -5% ถึง -17% (จาก -5% ถึง -7%), NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.6-4.0% จาก 3.3-3.7% ขณะที่มุมมองจากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารได้ย้ำถึงความเสี่ยงของความไม่แน่นอนในอนาคตที่จะมากระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมโดยเฉพาะจากฟินเทคต่างๆ ซึ่งมุมมองดังกล่าวส่งผลกระทบต่อจิตวิทยการลงทุนต่อหุ้นกลุ่มธนาคารทั้งหมด และทำให้อาจเห็นการปรับประมาณการและราคาเหมาะสมลงสะท้อนความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น

ภาพใหญ่ยังมองแกว่งตัวในกรอบ 1590-1640 จุด ภาพรวมกำไรตลาดที่คาดว่าจะยังคงอ่อนแอในไตรมาส 3 ประกอบกับ ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงต่อเนื่อง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นที่ทำให้อัพไซด์ตลาดจำกัดอยู่ที่ 1640-1650 จุด ขณะที่ เราแนะระมัดระวังการหลุดเส้นแนวรับบริเวณ 1620-1617 จุด เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงให้ดัชนีมีโอกาสกลับลงไปทดสอบ 1590-1600 จุด อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การลงมาที่โซนดังกล่าวเรายังมองเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นใหญ่-ราคาไม่แพง จากมุมมองในระยะกลาง-ยาว ที่เชื่อว่า downside ตลาดเริ่มจำกัด โดยจากโมเดล Earning Yield Gap ของเราบ่งชี้ว่ากรณีแย่ก็ยังไม่น่าหลุดต่ำกว่า 1590 จุด ประกอบกับปัจจัยบวกที่เตรียมหนุนดัชนีช่วงปลายปี อาทิ เม็ดเงินจากกองทุน LTF, การสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราวระหว่างจีน-สหรัฐฯ, รวมถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน/การคลัง

เราเน้น selective buy ในหุ้นที่โมเมนตัมกำไรช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก พื้นฐานแกร่ง ราคาไม่แพง เพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/62 เราเน้น selective buy 1) สาธารณูปโภคที่ยังไม่แพง WHAUP, BGRIM, SSP, NNCL 2) กลุ่มได้ประโยชน์จากน้ำมันทรงตัว อาทิ EPG, BJC, BGC, DCC โรงกลั่น SPRC, TOP, BCP, ESSO 3) กลุ่มโรงแรม AOT, MINT, ERW จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัว // รวมถึงหุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ADVANC, INTUCH, VRANDA*, TEAMG, MTC, SAWAD, VNT*, CPN // กลุ่มการแพทย์ ร.พ.ขนาดเล็กเด่น RPH*, RJH*, CHG

ภาพรวมกลยุทธ์ ดัชนีเคลื่อนไหวไร้ทิศทางจากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการ ขณะที่ทิศทางเงินทุนเริ่มมีสัญญาณบวก กรอบการเคลื่อนไหว 1617-1640 จุด // หุ้นแนะนำวันนี้ CPN, CPALL / THRE* (เป้า 0.66, ตัดขาดทุน 0.54)

แนวรับ 1627 จุด / แนวต้าน : 1635-1643. สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

รับเหมาก่อสร้าง ราคาปรับลดลงแรงจาก 2 เหตุผล 1) งบประมาณปี 2563 จะเข้าสู่ระบบได้จริงราว มี.ค.-เม.ย.63 ทำให้การประมูลโครงการใหม่ขนาดใหญ่บางส่วนจะชะลอกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนของทั้งกลุ่ม 2) การลงนามสัญญารถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ซึ่งเอกชนไม่ได้รับการพิจารณาเงื่อนไขพิเศษใด เพื่อช่วยชดเชยภาระการลงทุน ทำให้มีแนวโน้มที่โครงการอาจจะมีผลขาดทุน กระทบต่อผลการดำเนินงานขอผู้รับเหมาที่เป็นพันธมิตรอย่าง ITD และ CK

อันดับการทำธุรกิจ ธนาคารโลกประกาศอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจปี 2562 ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 6 อันดับ สู่ลำดับที่ 21 ดีที่สุดในรอบ 6 ปี

ประเด็นติดตาม: 25 ต.ค.ยุโรปพิจารณาขยายกรอบเวลา Brexit, 30 ต.ค. – FOMC meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)