แม้ Brexit อาจล่าช้าแต่ไม่น่ากังวลเพราะความเสี่ยงกรณีเลวร้ายถูกปิดไปแล้ว

แม้ Brexit อาจล่าช้าแต่ไม่น่ากังวลเพราะความเสี่ยงกรณีเลวร้ายถูกปิดไปแล้ว

การแยกตัวของอังกฤษอาจล้าช้า แต่ปิดความเสี่ยงเลวร้าย

หลังสภาผู้แทนอังกฤษรับรองร่างกฎหมายแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) แต่ไม่รับรองให้เป็นกฎหมายภายในสัปดาห์นี้ ตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ส่งผลให้อาจมีการยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งแม้กระบวนการอาจจะล่าช้าแต่ได้ปิดความเสี่ยงเลวร้ายสุดคือการแยกตัวโดยไม่มีข้อตกลง (hard Brexit หรือ no-deal Brexit) ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่แย่สุดแล้ว ขณะที่ประเด็นเรื่องการลดดอกเบี้ย (30 ต.ค.), การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน (พ.ย.) ยังเป็นปัจจัยบวกหนุนการฟื้นตัว

ประชุมธนาคารกลางยุโรปนัดสุดท้ายของดรากี การประชุมวันนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ของมาริโอ ดรากี ซึ่งเราคา ECB ยังมีถ้อยแถลงและจุดยืนที่ผ่อนคลาย แต่อาจไม่ได้มีการดำเนินมาตรการพิเศษในการประชุมครั้งสุดท้ายของดรากี

ราคาน้ำมันฟื้นตัว หลังสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล) ลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อกลุ่มพลังงาน ขณะที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 3/62 และน่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/62-1/63 จะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยขึ้นทดสอบ 1635-1650 จุด

เราเน้น selective buy ในหุ้นที่โมเมนตัมกำไรช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก พื้นฐานแกร่ง ราคาไม่แพง เพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/62 เราเน้น selective buy หุ้น 1) สาธารณูปโภคที่ยังไม่แพง WHAUP, BGRIM, SSP, NNCL 2) กลุ่มได้ประโยชน์จากน้ำมันทรงตัว อาทิ EPG, BJC, BGC, DCC โรงกลั่น SPRC, TOP, BCP, ESSO 3) กลุ่มโรงแรม AOT, MINT, ERW จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัว // รวมถึงหุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ADVANC, STEC, VRANDA*, TEAMG, MTC, SAWAD, VNT*, CPN // กลุ่มการแพทย์ ร.พ.ขนาดเล็กเด่น RPH*, RJH*, CHG

ภาพรวมกลยุทธ์ ยังคงมุมมอง SET Index ฟื้นจาก 1617-1620 จุด สู่ 1635-1650 จุด เน้นหุ้นพื้นฐานดี ราคาไม่แพง และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก // หุ้นแนะนำวันนี้ CPN, WHAUP / EPG* (เป้า 10, ตัดขาดทุน 7.20), THRE* (เป้า 0.66, ตัดขาดทุน 0.54)

แนวรับ 1627 จุด / แนวต้าน : 1635-1643. สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียลง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ปรับลดคาดการณ์อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียปี 62 และ 63 ลงเหลือ 5% และ 5.1% ตามลำดับ

ครม.ไฟเขียวชิมช้อปใช้ เฟส 2 โดยจะเปิดให้ผู้ไม่เคยรับสิทธิ์ลงทะเบียนเพิ่ม 3 ล้านคน โดยยังแจกเงิน 1000 บาท และแจกเงินคืนสูงสุด 20% หากยอดใช้จ่ายเกิน 3 หมื่นบาท เปิดลงทะเบียนตั้งแต่ 24 ต.ค.

STEC ผู้บริหารลุ้นโครงการสนามบินอู่ตะเภา ชี้หากคว้างานได้ดัน Backlog ทะลุ 1 แสนล้านบาท คาดการคัดเลือกรู้ผลสิ้นเดือน ธ.ค. ก่อนเซนต์สัญญา ม.ค.ปี 63

พาณิชย์' จ่อคุมมาร์จิ้นยา - กระทรวงพาณิชย์เผยโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายมากขายยาแพงกว่าโรงพยาบาลเดี่ยว คาดปีหน้าประกาศส่วนต่างป้องกันร.พ.โขกกำไร

เอกชนขานรับแผนกระตุ้นอสังหาฯจากบ้านและคอยโดต่ำ 3 ล้านบาทมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ผู้บริหารพฤกษาเห็นด้วย แต่อยากให้มีผลเร็วที่สุดเพราะผู้ซื้อชะลอการโอนเพื่อรอมาตรการ

RBFเริ่มทำการซื้อขายวันแรกวันนี้ คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 17% ในช่วงปี 2563-65 ประเมินราคาเหมาะสมที่ 4.10 บาท อิง PER 19 เท่า

ประเด็นติดตาม: 24 ต.ค. – ECB meeting /EU manufacturing PMI เดือน ต.ค., กลุ่ม CP นัดเซ็นสัญญา High-speed Train / 30 ต.ค. – FOMC meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)