'เอกชน' กระตุ้นเร่งพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

'เอกชน' กระตุ้นเร่งพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

เอกชนจี้รัฐดันแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลต่อเนื่อง หวังบริการรัฐบาลอิเล็กรทรอนิกส์ประสิทธิภาพสูงสุด ชี้เป็นจุดเริ่มต้นผลักดันโครงการดิจิทัล

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา รับทราบมติการประชุม ครม.เศรษฐกิจ โดยในส่วนข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเสนอให้รัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e - Government) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งผลักดันโครงการดิจิทัลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างระบบข้อมูลกลาง เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการวางแผนด้านการลงทุนและด้านสาธารณูปโภคของหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้รับทราบถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เศรษฐกิจของหลายประเทศยังชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลดลงของการส่งออกเป็นสำคัญ และสอดคล้องกับการปรับลดประมาณการขององค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิลยูทีโอ 

โดยล่าสุด ณ เดือนต.ค. 2562 ดับเบิลยูทีโอ ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ปี2562 เป็น 2.3% จากเดิม 2.6% และปริมาณการค้าโลกในปี 2562 เป็น1.2% ลดลงจาก 2.6% จากประมาณการเดิมในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

ส่วนสถานการณ์ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ ๆ ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น , มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป(อียู)ภายหลังจาก ดับเบิลยูทีโอ ได้ให้ความเห็นชอบต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐอเมริกาในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป

โดยจะส่งผลให้ในวันที่ 18 ต.ค.2562 สหรัฐอเมริกา ตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอียู มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ และ การออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิท) ยังคงไม่แน่นอน และมีความเป็นไปได้ที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง (No – deal Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค.นี้