ท่องเที่ยว 'รับบทหนัก' อัด 6 มาตรการ ประคองศก.โค้งท้าย
ไม่เกินเลยนักหากจะยกให้ “ภาคท่องเที่ยว” รั้งตำแหน่งความหวังสุดท้ายของเศรษฐกิจไทย หลังภาคส่งออกติดหล่ม ก้าวไม่พ้นแดนลบสักที!
แต่ใช่ว่าเจ้าของสัดส่วน 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี จะเติบโตอย่างไร้ขวากหนาม เพราะยังต้องเผชิญภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของค่าเงิน และอีกหลายๆปัจจัยพิสูจน์ความแข็งแกร่งของภาคท่องเที่ยวไทยในช่วงโค้งท้ายปลายปีซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นพอดี
เมื่อโจทย์ของรัฐบาลหมายมั่นให้ภาคท่องเที่ยวพยุงเศรษฐกิจไทยไปรอดในปี2562จบสวยขึ้นอีกนิดด้วยการเข็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ใส่กระสุนเม็ดเงินยิงตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างการจับจ่ายหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเต็มแม็ก!
มาตรการที่ได้รับการกล่าวขวัญตั้งแต่วันยังไม่ทันผ่าคลอดคือ “แจกเงินเที่ยว1,000 บาท” ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการ “ชิมช้อปใช้” แม่งานคือกระทรวงการคลัง อัดเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า1หมื่นล้านบาท มอบให้ประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิจำนวน10ล้านคนแรกไปใช้จ่ายในจังหวัดที่เลือกตอนลงทะเบียน เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนแอพเป๋าตัง ใน G-Wallet 1และสามารถเติมเงินของตนเองเข้าG-Wallet 2ไปใช้จ่ายในจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน เพื่อรับเงินคืน 15% ของยอดใช้จริง รวมแล้วไม่เกิน 4,500 บาท จากยอดใช้จ่ายสูงสุด 30,000 บาท
ล่าสุดทางกรมบัญชีกลางรายงานว่า มีร้านค้าเข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้กว่า1.77แสนร้านค้าแล้ว แบ่งเป็นร้านค้ารายใหม่ที่วอล์คอินเข้ามาลงทะเบียนจำนวน9.76หมื่นร้านค้า ขณะที่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีแอพพลิเคชั่น ถุงเงิน เดิมอยู่แล้วกว่า5หมื่นร้านค้า ส่วนร้านค้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องEDCมีอีกกว่า3หมื่นร้านค้า
และจากข้อมูลเมื่อวันที่18ต.ค.ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กับร้านค้าแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น8,676.8 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านค้าที่ได้สิทธิจากกระเป๋าG-Wallet 1จำนวน 8,537.2 ล้านบาท และร้านค้าที่ได้สิทธิจากกระเป๋าG-Wallet 2จำนวน 139.6 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อแยกเป็นหมวด พบว่าหมวดร้านค้าทั่วไปเป็นเงิน 2,472.3 ล้านบาท ส่วนหมวด “ชิม” เป็นเงิน 1,241 ล้านบาท หมวด “ช้อป” เป็นเงิน 4,847.1 ล้านบาท ต่างจากหมวด “ใช้” ที่เป็นเงินเพียง 116.4 ล้านบาท
แม้กระแสตอบรับจะดีมากจนต้องประกาศสร้างภาคต่อ “ชิมช้อปใช้ เฟส2” เมื่อวันที่22ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวให้มอบเงิน1,000บาทเหมือนเดิม แต่จำกัดเปิดให้ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิลงทะเบียนเพิ่มอีก3ล้านคน และรับเงินคืน15%ของยอดใช้จ่ายไม่เกิน30,000บาทเหมือนกับชิมช้อปใช้เฟส1
แต่มาทั้งที ต้องมีความต่าง!นั่นคือการสร้างแรงจูงใจให้ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet2 ด้วยการเพิ่มอัตราเงินคืนเป็น20%ของยอดใช้จ่ายในส่วนที่เกิน30,000บาท แต่ต้องไม่เกิน50,000บาท สิทธิใหม่นี้จะมอบให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ10ล้านคนแรกในเฟส1ด้วย
ด้านมาตรการเสริมกระตุ้นท่องเที่ยวจากฝั่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภายใต้โครงการ “ถึงเวลาทัวร์ ให้ทั่วไทย” ผ่าน2แคมเปญลดราคาสินค้าท่องเที่ยว จูงใจคนไทยเร่งเดินทางภายในวันที่31ธ.ค.นี้ ได้แก่ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” เปิดขายสินค้าท่องเที่ยวในราคารายการละ100บาท รวม40,000รายการ สามารถลงทะเบียนได้ทางwww.tourismthailand.org/ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย ใน 4 วัน วันละ10,000รายการ คือ วันที่11-12พ.ย. และ11-12ธ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 6.00 – 24.00 น. ของแต่ละวัน หรือจนกว่าของจะหมด โดยเลือกซื้อได้เพียงคนละ1รายการเท่านั้น
อีกแคมเปญคือ “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” เพื่อกระตุ้นการเดินทางวันธรรมดา ด้วยการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวหรูหรา มาทำโปรโมชั่นลดราคาสูงสุด80%เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยระดับกลาง-บน สามารถลงทะเบียนเพื่อจองสิทธิได้ที่www.tourismthailand.org/เที่ยววันธรรมดาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เวลา 00.01 น. – วันที่ 31 ธ.ค.นี้
ด้านตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA)จากเดิมอัตราคนละ 2,000 บาท แก่นักท่องเที่ยว 18 ประเทศและ 1 เขตเศรษฐกิจ (รวมจีนและอินเดีย) จากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.นี้ ออกไปอีก 6 เดือนหรือสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.2563 หวังส่งโมเมนตัมการเติบโตในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการAmazing Thailand Grand Sale “Passport Privileges”จูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติชอปปิงช่วงปลายปี ตั้งแต่วันที่1พ.ย.2562จนถึง31ม.ค.2563ด้วยการมอบโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่นักท่องเที่ยวที่แสดงพาสปอร์ตเมื่อซื้อสินค้า มีศูนย์การค้าและร้านค้ากว่า500รายเข้าร่วม จึงมั่นใจว่าไตรมาส4นี้จะดึงชาวต่างชาติเที่ยวไทยได้ตามเป้าหมาย และดีต่อเนื่องจนจบไฮซีซั่นในไตรมาส1ปีหน้า
“จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ9เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 29,465,732 คน ยังมีการเติบโต เพิ่มขึ้น3.51%รวมถึงแนวโน้มที่ดีในไตรมาสสุดท้ายของปี จึงมั่นใจว่าตลอดปี2562จะได้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเป้าหมายรัฐบาล39.8ล้านคน โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯมองว่ามีแนวโน้มถึง40.5-41ล้านคนด้วยซ้ำ”