Sideways Up

Sideways Up

Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน โดยมีจุดตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Positive และคาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1630 / 1635 จุด แนวรับ 1610 / 1605 จุด เป็นผลจาก 1)ปธน.ทรัมป์และรองนายกฯ จีน หลิว เหอ ส่งสัญญาณการเจรจาการค้ามีความคืบหน้าอย่างมาก ส่งผลตลาดหุ้น S&P ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2) Brexit: ตลาดมีมุมมองเชิงบวก และลดโอกาสที่จะเกิด No-Deal
Brexit เหลือไม่เกิน 5% 3) คลังเสนอครม.วันนี้ เพื่อพิจารณามาตรการลดค่าโอน-จำนองบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือ 0.01% ระยะเวลา 6 เดือน ช่วยหนุน Sentiment หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย ส่วนปัจจัยลบ คือ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดเติบโตต่ำกว่า 3% หลังส่งออกเดือน ก.ย. ติดลบ และผลกำไรบจ. ส่วนใหญ่ยังคงไม่มี Positive Surprise

ประเด็นสำคัญวันนี้:  Earnings: UBS; US-Existing home sales; Japan-งานฉลองจักรพรรดิองค์ใหม่ นารูฮิโตะ (22-24 ต.ค.)

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงตลอดการซื้อขาย ก่อนมาปิดตลาดที่ระดับ 1620.78 จุด -10.65 จุด หรือ -0.65% วอลุ่มซื้อขาย 4.09 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.6% พาณิชย์ -1.2% มีเดีย -1.12% อสังหาฯ -1.07%

ประเด็นสำคัญ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป กลับมาปิดบวก: DJ +0.21% S&P500 +0.69% Nasdaq+0.91% โดย S&P ปิดที่ระดับ New High 3006.72 จุด รับข่าวปธน.ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ และจีน จะบรรลุข้อตกลงในการยุติสงครามการค้าและการเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก ส่วนตลาดหุ้นยุโรป DAX +0.91% CAC40 +0.21% FTSE +0.18% คาดอังกฤษไม่เกิด No-deal Brexit และรายงานกำไร 3Q19 บจ. ที่ดีขึ้น

- น้ำมันดิบและทองคำร่วงต่อ: WTI -USD0.47 ปิด USD53.31/บาร์เรล Brent -USD0.46 ปิด USD 58.96/บาร์เรล วิตกอุปสงค์อ่อนแอ หลัง IMF คาดเศรษฐกิจจีน
ปีหน้าเติบโตเพียง 5.8% และทองคำปรับร่วง USD 5.30 ปิด USD1,488.1/ออนซ์ จากการขายสินทรัพย์ปลอดภัย

- ไทย: การส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต -1.39% YoY (Vs คาด -0.6% YoY) เป็นมูลค่า 20,481.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การนำเข้าหดตัว -4.24% YoY (Vs คาด -5% YoY) เป็น 19,206.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดุลการค้าเกินดุล 1,275.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (Vs คาด +2.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกไม่ขยายตัว เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว เราคาดว่าแนวโน้มส่งออกปีนี้จะเติบโต -1.8% YoY ขณะที่การเกินดุลบัญชีสะพัดต่อเนื่อง จะส่งผลให้ค่าเงินบาท/USD มีแนวโน้มแข็งค่าเฉลี่ย
30.25 บาท (+ธุรกิจไฟฟ้า สื่อสาร –ธุรกิจส่งออก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์)

- จีน: IMF คาดเศรษฐกิจจีนปี 2020 เติบโตเพียง 5.8% ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2018-19 ที่เติบโต 6.2% และ 6.1% ตามลำดับ โดยช่วง 9M19 เติบโต 6.2% สอดคล้องกับเป้าหมายทางการจีนที่ 6-6.5%

+ Brexit: Goldman Sachs ปรับลดโอกาสที่จะเกิด No-deal Brexit เหลือเพียง 5%จากเดิม 10% และคาดว่าอังกฤษจะแยกตัวออกจากอียูภายในวันที่ 31 ต.ค. เช่นเดียวกันกับ Citigroup คาดโอกาสน้อยที่จะเกิด No-deal Brexit และคาดว่าอังกฤษจะออกจากอียูอย่างเป็นระบบ

+ ไทย: คลังเตรียมชงครม. ลดค่าโอน-จดจำนองบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท (จากเดิมอนุญาตให้เฉพาะบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท)เหลือ 0.01% จากเดิม 2% และ 1% เป็นเวลา 6 เดือน คาดส่งผลบวกต่อบริษัทอสังหาฯ ที่มีสินค้าในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ QH PSH SPALI LPN

- ไทย: คลังเตรียมหั่น GDP ต่ำกว่าเป้าเดิม 3% หลังส่งออก 9 เดือน -2.1% แต่คาดทั้งปีนี้จะลดลง 0-1% และปีหน้าฟื้นตัว 1-2%

กลยุทธ์: Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน โดยมีจุดตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)

            หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: OSP HTC JMT

            หุ้นโมเมนตัมบวก: TCAP CKP JKN DTAC / KBANK (กำไรดีกว่าคาด 9%)

            หุ้นโมเมนตัมลบ: AWC HMPRO EA DOHOME TPIPP BH THANI KSL

            Derivatives: แนะ Wait&see (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)