ผนึก 'แอร์ไลน์-ทัวร์-ศูนย์การค้า' อัด 5 แคมเปญดันท่องเที่ยวเข้าเป้า

ททท. อัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย 5 โครงการ เดินหน้าผนึกพันธมิตรทั้งแอร์ไลน์-ศูนย์การค้า-บริษัททัวร์-ธุรกิจOTA ปั้นยอดตลาดความหวังอาเซียน-อินเดีย เที่ยวไทยช่วงโค้งท้าย 4.44 แสนคน หนุนภาพรวมทัวริสต์ต่างชาติเข้าเป้ารัฐบาล 39.8 ล้านคนปีนี้

นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4 นี้ นักท่องเที่ยวจากตลาดอาเซียนและอินเดียยังคงเป็นความหวังสำคัญในการกระตุ้นยอดภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ไปถึงเป้าหมายของรัฐบาล 39.8 ล้านคนในปีนี้ ททท.จึงเร่งเดินหน้าโครงการกระตุ้นตลาดในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

ผ่าน 5 โครงการ ใช้งบประมาณรวม 30.5 ล้านบาท คาดกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 4.44 แสนคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวอินเดียราว 1.4 แสนคน และอีกกว่า 3 แสนคนเป็นนักท่องเที่ยวอาเซียน โดยโครงการแรกคือ “ฟลาย มี ทู ไทยแลนด์”(Fly Me to Thailand) ร่วมกับพันธมิตรหลายราย อาทิ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล บริการด้านการท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค.นี้, ร่วมกับสายการบินแอร์เอเชียจัดโปรโมชั่นราคาตั๋วพิเศษ ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค.นี้เช่นกัน รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรกลุ่มวัฒนกูล ผ่านกิจกรรม วีซ่า เมียนมา ครอส บอร์เดอร์ ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรม วีซ่า สิงคโปร์ ครอส บอร์เดอร์ ภายใต้โครงการ ฟลาย มี ทู ไทยแลนด์ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษ ส่วนลดจากการบินไทยและสิงคโปร์แอร์ไลน์ พร้อมบัตรกำนัลมูลค่า 500 บาทสำหรับการชอปปิงที่ร้านค้าพันธมิตร เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล,ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี,ศูนย์การค้าสยามพารากอน,ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม,ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์แก่นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่เดินทางมาไทยตั้งแต่วันที่15ต.ค.-31ธ.ค.นี้

“คาดว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ในช่วงปลายปีอย่างต่อเนื่อง รักษายอดปีนี้ไม่ให้น้อยไปกว่าเดิมหรือยังอยู่ในระดับเกิน 1 ล้านคน เนื่องจากตลาดสิงคโปร์เที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกชัดเจน”

หลังจากปี 2561 ไทยมีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาเยือนทั้งสิ้น1,168,112คนสร้างรายได้42,146ล้านบาทและตั้งแต่เดือน ม.ค.–ส.ค.2562ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น651,795คนสร้างรายได้22,732ล้านบาท มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่เดินทางมาไทย รองจากมาเลเซีย สปป.ลาว และเวียดนาม

โดยจำนวนดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง(FIT)มากถึง90%และนิยมเดินทางซ้ำสูงถึง 90%เช่นกัน ททท.จึงเฟ้นหาสินค้าท่องเที่ยวและบริการที่ตอบโจทย์ความสนใจนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ เพื่อเพิ่มความถี่การเดินทาง ให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ (วีคเอนด์ เดสติเนชั่น) ผ่านกลยุทธ์การเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และเซ็กเมนท์ที่มีศักยภาพด้านการใช้จ่าย เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงกีฬา ทั้งกอล์ฟ มาราธอน และอื่นๆ

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากโครงการ ฟลาย มี ทู ไทยแลนด์ แล้ว โครงการที่ 2 คือ ททท.สำนักงานสิงคโปร์จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับภาคเอกชน ทั้งบริษัทนำเที่ยว บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent :OTA)บริษัทค้าส่งทัวร์ (โฮลเซลส์) และสายการบินต้นทุนต่ำ ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ ส่วนโครงการที่ 3 เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายเช่นกัน มี ททท.สำนักงานนิวเดลี ประเทศอินเดีย เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะร่วมกับธนาคารหรือบัตรเครดิต เพื่อจัดส่วนลดและสิทธิพิเศษให้นักท่องเที่ยวอินเดีย ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค.นี้

ขณะที่โครงการที่ 4 คือ “ไทยแลนด์ เกรท ดีล”(Thailand Great Deal)เช่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดย ททท.สำนักงานจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ร่วมกับสายการบินแอร์เอเชีย อินโดนีเซีย ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ และร่วมกับOTAอย่าง ทราเวลโลก้า อินโดนีเซีย ตั้งแต่เดือน พ.ย.2562-ม.ค.2563 หลังจากก่อนหน้านี้สำนักงานมุมไบ ประเทศอินเดีย ได้ทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินแอร์เอเชียเพื่อดึงตลาดอินเดียเที่ยวไทยไปแล้วเมื่อเดือน ส.ค.-ก.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับโครงการที่ 5 “กิฟ มี ไฟว์” (Give Me Five)ได้ดำเนินกิจกรรมไปแล้วก่อนหน้านี้เช่นกันในไตรมาส 3 ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-30 ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการร่วมกับสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงจากจุดบินในอาเซียนมายังประเทศไทย รวม 7 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา ให้นักท่องเที่ยวได้รับสิทธิในการโหลดสัมภาระเพิ่มขึ้นคนละ 5 กิโลกรัมต่อคน

ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า สถิตินักท่องเที่ยวอาเซียนมาไทยในช่วง 8 เดือนแรก หรือตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 6.89 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.07 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%และเมื่อดูนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย พบว่ามีจำนวนสะสมแล้ว 1.31 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 25.4%สร้างรายได้ 5.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 31%