'กุลิศ' หวังนโยบายให้ส่วนต่างราคาดีเซล บี10 ถูกกว่า บี7

'กุลิศ' หวังนโยบายให้ส่วนต่างราคาดีเซล บี10 ถูกกว่า บี7

“กุลิศ” หวังนโยบายให้ส่วนต่างราคาดีเซล บี10 ถูกกว่า บี7 อยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ช่วยดูดซับ ซีพีโอ ปริมาณ 168,360 ตันต่อเดือน พร้อมกระตุ้น กรมศุลกากร เข้มตรวจจับลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวเสวนาในหัวข้อ “B10 ความเชื่อมั่นกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ในงานสัมมนา B10 ปฏิรูปน้ำมันบนดินเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่จัดขึ้นโดยเครือเนชั่น กรุ๊ป ว่า การส่งเสริมใช้ดีเซล บี10 คาดว่าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่เดือนธ.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยจะช่วยดูดซัพ ซีพีโอ ประมาณ 168,360 ตันเดือน ก็จะช่วยควบคุมสต็อกซีพีโอส่วนเกินได้


ขณะเดียวกันกรมศุลกากร จะต้องเป็นอีกหน่วยงานสำคัญที่จะต้องตรวจเข้มเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า ควบคู่ไปกับบทบาทของกระทรวงพาณิชย์ด้วย


ส่วนกระทรวงพลังงาน ก็จะดูแลเรื่องของการพัฒนาเตรียมความพร้อมไปสู่ดีเซล บี10 ที่ปัจจุบัน มีผู้ผลิต บี100 ในประเทศ 13 ราย ปริมาณ 8.3 ล้านลิตรต่อวัน ผสมเป็นบี10 ตามสเปกได้แล้ว 9 ราย ปริมาณ 6.8 ล้านลิตรต่อวัน และขั้นตอนต่อไปจะต้องหารือกับค่ายรถยนต์ยุโรป เพื่อให้เกิดการยอมรับมาตรฐานดีเซล บี10 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถ และเดินหน้าส่งเสริมดีเซล บี10 ต่อไปได้ เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์เก่าส่วนใหญ่เป็นค่ายยุโรป ยังจำเป็นต้องเติมดีเซล บี7 อยู่ 


ฉะนั้น กระทรวงพลังงาน จะยังคงเก็บดีเซล บี7 ไว้เป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้รถเก่า ส่วนรถยนต์ใหม่ก็จะเดินหน้าส่งเสริมดีเซล บี 10 ต่อไป ขณะที่ดีเซล บี 20 จะยังเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ปรับลดการอุดหนุนราคาบี 20 ลงจากเดิม 5 บาทต่อลิตร เหลือ 3 บาทต่อลิตร เพื่อนำเอาส่วนต่าง 2 บาทต่อลิตร ไปชดเชยให้ราคาบี10 ถูกกว่า บี7 อยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเป็นการจูงใจประชาชนให้หันมาเติบน้ำมันดีเซล บี10 มากขึ้น