‘ททท.’ลุยงานไอทีบี เอเชีย แก้เกมยุโรปเที่ยวทะเลลด

‘ททท.’ลุยงานไอทีบี เอเชีย แก้เกมยุโรปเที่ยวทะเลลด

แม้เวทีงานส่งเสริมการขาย “เทรดโชว์” ด้านการท่องเที่ยวระหว่างธุรกิจ (B2B) จะอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านที่ผู้ประกอบการหันไปให้ความสำคัญทำตลาดร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent : OTA)มากขึ้น

แต่ในสายตาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มองว่าเวทีเทรดโชว์ระดับภูมิภาคและโลกยังสำคัญและจำเป็นอยู่ จึงได้นำทีมผู้ประกอบการโรงแรมและผู้ให้บริการท่องเที่ยวในไทยรวม 30 ราย เข้าร่วมงาน International Tourism Borse (ITB) Asia 2019 ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อพบปะและเจรจาธุรกิจการท่องเที่ยวจากผู้ซื้อทั่วโลก ชูแนวคิด “ทรอปิคอล โมเดิร์น ลักซ์ชัวรี” ผสมผสานระหว่างแรงบันดาลใจจากแหล่งท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเล กับความอบอุ่นและหรูหราทันสมัยควบคู่กับการยกระดับภาพลักษณ์สินค้าชุมชน

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เล่าว่า งานITB Asia 2019 ครั้งนี้ ก้าวสู่ปีที่ 12 ถือเป็นงานเทรดโชว์ทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดย ททท.ได้นำเสนอประเทศไทยในมุมมองการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และตอกย้ำภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก หลังเชิญเอกชนเข้าร่วมงานฯ จำนวน 30 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว 1 ราย แหล่งท่องเที่ยว 3 ราย และโรงแรม 26 ราย ใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (สมุย, เกาะเต่า) พังงา (เขาหลัก) กระบี่ ชลบุรี (พัทยา) และประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน)

“งานไอทีบี เอเชียในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยได้เจอผู้ซื้อรายใหม่ๆ ยังทำให้เห็นโลกการขายแบบB2Bที่เปลี่ยนไปด้วย”

กฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. เล่าเสริมว่า แม้เวทีส่งเสริมการขายแบบB2Bไม่ได้ร้อนแรงในตลาดท่องเที่ยวเอเชียแล้ว โดยปีนี้มีผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า1,250ราย เป็นรายใหม่กว่าครึ่งหนึ่ง แต่เอเชียถือเป็นตลาดสำคัญของ ททท.ในการผลักดันภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปีนี้ให้ถึง39.8ล้านคน เพราะต้องยอมรับว่ายุโรปเป็นตลาดที่ดันการเติบโตได้ยากยิ่ง!

“เรามารุกทำตลาดเอเชียที่งานไอทีบี เอเชีย เพราะต้องการความถี่ในการเดินทางจากนักท่องเที่ยวทั้งในกลุ่มอาเซียน จีน และอินเดีย”

ในสถานการณ์ที่ไทยถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่า จึงอยากได้ผู้ซื้อใหม่ๆ มาช่วยขายสินค้าท่องเที่ยวเดิมที่มีคุณภาพดีของไทย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีศักยภาพการใช้จ่าย ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่นิยมเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)รวมถึงกลุ่มใหญ่จากลูกค้าองค์กรที่จัดกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟ กรุ๊ป)

“ปีนี้นักท่องเที่ยวจากอาเซียนน่าจะถึงเป้าหมายจำนวน10.5ล้านคนได้ไม่ยาก แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกและเงินบาทแข็งค่าอาจกระเทือนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไปบ้าง และทำให้บริษัททัวร์ได้รับผลกระทบจากส่วนต่างกำไรที่หายไป แต่ยังเห็นศักยภาพการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวอาเซียนหลายๆ กลุ่มที่ยังดีอยู่ จึงโปรโมทให้มาเยือนสมุยซึ่งเป็นจุดหมายที่แพงที่สุดในสายตาคนอาเซียนรวมถึงคนไทย หวังเติมกระแสการเดินทางช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซั่นราวเดือน พ.ค.ของทุกปีซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวยุโรปกลับประเทศ”

ด้าน พรรวินท์ หรุ่นเกิด ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย เดอะ หาดเทียน บีช รีสอร์ท เกาะเต่า หนึ่งในโรงแรมที่เข้าร่วมงานไอทีบี เอเชีย คาดหวังว่าจะได้ลูกค้าใหม่อย่างสิงคโปร์และฮ่องกง มาช่วยเติมสัดส่วนลูกค้าเอเชียของโรงแรมฯซึ่งปัจจุบันยังอยู่ที่20%เป็นชาวจีนและไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวเอเชียยังรู้จักเกาะเต่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับฝั่งยุโรปซึ่งเป็นลูกค้าโรงแรมถึง80%

“ไฮซีซันนี้เราสามารถปรับราคาขายห้องพักเพิ่มได้เล็กน้อย5-10%ขณะที่ยอดอัตราการเข้าพักน่าจะอยู่ที่70%ทรงตัวเมื่อเทียบกับไฮซีซั่นที่แล้ว โดยยังเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าตลาดดั้งเดิมอย่างยุโรปเอาไว้ เพราะเกาะเต่าเป็นจุดหมายยอดนิยมของกลุ่มความสนใจเฉพาะด้านดำน้ำ จึงเตรียมโปรโมทจุดขายนี้ให้ได้รับความสนใจจากทั้งยุโรปและเอเชียมากขึ้น”

เพ็ญศรี ริยาพันธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ อัปสรา บีชฟรอนท์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า12ปีที่เขาหลัก จ.พังงา คาดหวังว่าจะได้ลูกค้าเอเชียจากกลุ่มองค์กรและจัดประชุมสัมมนา (ไมซ์) เพิ่มจากปัจจุบันที่มีเอเชียอยู่ไม่ถึง5%มาช่วยเติมอัตราเข้าพักในช่วงโลว์ซีซั่น โดยยังต้องเดินหน้าพีอาร์เขาหลักอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นจุดหมายชายทะเลที่นักท่องเที่ยวเอเชียยังไม่ค่อยรู้จักนัก เมื่อเทียบกับภูเก็ต กระบี่ และพัทยา

“ต่างจากนักท่องเที่ยวยุโรปที่รู้จักเขาหลักดี แต่กลับต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้านทั้งในเชิงกำลังซื้อและจำนวนที่เดินทางมาลดลง โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินที่ส่งผลกระทบมาก ทำให้ตัดสินใจเดินทางมายากขึ้น ประกอบกับคนยุโรปยังต้องจับตาเศรษฐกิจในภูมิภาค บวกกับสภาพอากาศในยุโรปที่อุ่นยาวนานขึ้น ทำให้เลือกไปจุดหมายระยะใกล้อย่างตุรกี และช่วยกันเที่ยวภายในยุโรปมากขึ้นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ”