เปิดตัวงานประชุมนานาชาติอุตฯกัญชาครั้งแรกในไทย

เปิดตัวงานประชุมนานาชาติอุตฯกัญชาครั้งแรกในไทย

เปิดตัวงานประชุมนานาชาติอุตสากรรมกัญชาครั้งแรกในประเทศไทย คาดปี 2567 ธุรกิจกัญชาในตลาดไทยมีมูลค่าสูงถึง 661 ล้านดอลลาร์

บริษัทเอเลเวทเต็ด เอสเตท จำกัดในฐานะผู้นำด้านองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมกัญชาของไทย และได้ร่วมก่อตั้งกองทุน Cannabis Technology มูลค่ารวม 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมุ่งสร้างผู้ประกอบการและการร่วมลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมกัญชาอย่างถูกกฎหมายในไทยและต่างประเทศ

โดยเป็นกองทุนแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นแหล่งทุนให้กับผู้ที่มีความสนใจที่จะเริ่มดำเนินการในธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา แต่ยังไม่มีทุนเนื่องจากในปัจจุบันนี้การจะดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจกัญชา น่าจะยังไม่สามารถไปกู้เงินจากธนาคาร หรือต้องใช้เงินทุนส่วนตัวในการดำเนินการ

บริษัทดังกล่าวได้เปิดแถลงข่าว“การจัดงานประชุมและงานแสดงนานาชาติอุตสาหกรรมกัญชา Elevating Cannabis Expo 2019 :Asia's Green Rush”ไปเมื่อวันที่ 18 ต.ค. โดย นางช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเลเวทเด็ดเอสเตท จำกัด กล่าวว่า หลังจากพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 7) พ. ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. 2562 ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดเสรีการใช้กัญชา แม้เป็นเพื่อการแพทย์และการศึกษาวิจัย แต่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญของไทยที่เปิดรับเรื่องนี้

รวมถึง ความเป็นไปได้ในอนาคตที่กัญชาจะกลายเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่สร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะในด้านการศึกษาวิจัย การรักษาโรค และสันทนาการ โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจกัญชาในตลาดไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 661 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 จาก 2 ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การที่แก้ไขกฎหมายทำให้กัญชงเป็นสิ่งถูกกฎหมายและการปลดสารซีบีดีออกจากบัญชีสารเสพติด เนื่องจากภาพรวมตลาดโลกนั้นเมล็ดกัญชงและน้ำมันกัญชงใหญ่กว่ากัญชา

ดังนั้น บริษัท เอเลเวทเต็ด เอสเตท จำกัดในฐานะผู้นำด้านองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมกัญชาของไทย และได้ร่วมก่อตั้งกองทุน Cannabis Technology มูลค่ารวม 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมุ่งสร้างผู้ประกอบการและการร่วมลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมกัญชาอย่างถูกกฎหมายในไทยและต่างประเทศ

โดยเป็นกองทุนแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นแหล่งทุนให้กับผู้ที่มีความสนใจที่จะเริ่มดำเนินการในธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา แต่ยังไม่มีทุนเนื่องจากในปัจจุบันนี้การจะดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจกัญชา น่าจะยังไม่สามารถไปกู้เงินจากธนาคาร หรือต้องใช้เงินทุนส่วนตัวในการดำเนินการ

พร้อมกับจับมือกับพันธมิตร ในการจัดประชุมและและงานแสดงนานาชาติอุตสาหกรรมกัญชา Elevating Cannabis Expo 2019 :Asia's Green Rushครั้งแรกในประเทศไทย โดยมุ่งเป้าให้เป็นเวทีสำคัญประจำปีระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมกัญชาไทย เพื่อเป็นศูนย์รวมของผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ( Start Up) ที่สนใจศึกษาลู่ทางใหม่ในอุตสาหกรรมกัญชา นับเป็นธุรกิจเกิดใหม่ในไทยที่มีศักยภาพน่าจับตามอง และต้องการการพัฒนาส่งเสริมอีกมากเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง

สำหรับภายในงาน ผู้เข้าร่วมจะได้รับความรู้ทั้งการปลูก การแปรรูป บริการ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภาพรวมทิศทางของจล่ดกัญชาในภูมิภาคต่างๆ และโอกาสเกี่ยวกับธุรกิจนี้อีกมากมาย รวมถึง อาจเริ่มต้นการจับมือเพื่อเริ่มต้นธุรกิจต่างๆ และหากมีแผนธุรกิจที่น่าสนใจก็จะได้รับทุนสนับสนุนธุรกิจจากกองทุนด้วย

" กฎหมายในประเทศไทยยังอนุญาตให้มีการปลูกเพียงแค่ 9 หน่วยงานและใน 5 ปีแรกจะเป็นเฉพาะในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น แต่ในช่องทางธุรกิจไม่จำเป็นต้องมองไปที่ต้นกัญชาอย่างเดียวแต่มีโอกาสมีทางธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมกัญชาอีกมากมาย อย่างเช่น อุปกรณ์ต่างๆในการปลูก หรือการสกัด การผลิต หรือองค์ความรู้ในการดำเนินการด้านธุรกิจกัญชาเป็นต้น”นางช่อขวัญกล่าว

นายอมฤต เจริญพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท ฮับบ้า จำกัด กล่าวว่า ในอุตสาหกรรมกัญชา ยังมีโอกาสสำหรับสตาร์ทอัพอีกมาก เนื่องจาก ธุรกิจนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ของประเทศไทย ปัจจุบันจึงยังไม่ทราบว่ามีใครทำเกี่ยวกับเรื่องอะไร ที่ไหนอย่างไร ซึ่งจากการคลุกคลีอยู่ในวงการสตาร์ทอัพ

ทั้งนี้ในส่วนสตาร์ทอัพด้านการเกษตรยังมีจำนวนน้อย บวกกับประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีการขยับในเรื่องการใช้ประโยชน์จากกัญชา ดังนั้น ส่วนหนึ่งจึงขึ้นอยู่กับภาครัฐด้วยว่าจะส่งเสริมสนับสนุนสตาร์ทอัพในเรื่องนี้อย่างไร เช่น แหล่งทุน การบ่มเพาะต่างๆ เพราะบางคนอาจจะต้องการนำนวัตกรรมเข้าจับคู่กับองค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ครอบครัวมีอยู่ก็เป็นไปได้ หรือจะเอื้อให้แต่ทุนใหญ่ๆเท่านั้น

สำหรับการประชุมและงานแสดงนานาชาติอุตสาหกรรมกัญชาครั้งที่ 1 จัดขึ้น ณ บริเวณ Piece bdms wellness Resort กรุงเทพฯในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ผู้สนใจร่วมงานสามารถติดต่อซื้อบัตรได้ที่ www.eventpop.me หรือค้นข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ https://elevatedestate asia/# และ www.facebook.com/elevatedestate/

ทั้งนี้  พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พ.ศ.2562 อนุญาตให้ใช้ประโยชน์กัญชาได้เฉพาะทางการแพทย์ และใน 5 ปีแรกดำเนินการได้เฉพาะหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น โดยปัจจุบัน อนุญาตผู้ปลูกแล้ว 9 ราย ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม(อภ.) มหาวิทยาลัยรังสิต รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร รพ.คูเมืองจ.บุรีรัมย์ ซึ่งร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพลาเพลิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กรมการแพทย์โดยจะปลูกที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แพร่ และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา 2 ราย คือ สภาเกษตรกรลำปาง และมหาวิทยาลัยศิลปากร ปลูกที่นครราชสีมา นอกจากนี้ อนุญาตให้สกัด 11 ราย จำหน่าย 368 ราย ครอบครอง 21 ราย นำเข้า 3 ราย รวมทั้งสิ้น 412 ราย อย่างไรก็ตาม ในเดือนธ.ค.2562 จะมีการเพิ่มช่องทางในส่วนภูมิภาค โดยให้สามารถรับคำขอได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) และให้สสจ.เป็นผ็ตรวจสอบเอกสารและสถานที่ ก่อนส่งเรื่องมาเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯในการอนุญาต