'ธนาธร' ระทึก ศาลตัดสินคดีถือหุ้นสื่อ 20 พ.ย.นี้

'ธนาธร' ระทึก ศาลตัดสินคดีถือหุ้นสื่อ 20 พ.ย.นี้

ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย สถานภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คดีถือหุ้นบริษัทวีลัคมีเดีย วันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. หลังไต่สวนพยาน 10 ปาก พร้อมให้คู่กรณีส่งคำแถลงปิดคดี ภายใน 15 วัน

วันนี้ (18 ต.ค.) เวลา 15.30 น. ศาลรัฐธรรมนูญเบิกตัวนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ (หลานเอ) ขึ้นเบิกความว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นวี-ลัคมีเดีย อย่างไร โดยยืนยันว่านายปิติยืนยันว่ามีการโอนหุ้นในวันที่ 14 ม.ค. และโอนคืนในวันที่ 21 มี.ค.  หลังการคุยแผนธุรกิจในวันที่ 19 มี.ค.ที่ประสงค์ให้นางสมพรลงทุนเพิ่มแต่นางสมพรไม่ตกลง ตนจึงตัดสินใจโอนหุ้นคืนโดยตนและน้องชายไปโอนหุ้นที่บ้านพักของนางสมพร ในวันดังกล่าวมีพนักงานบริษัทไทยซัมมิทและทนายความเป็นพยาน  ส่วนเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นนั้นตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดทำ แต่คิดว่าทางบ.ไทยซัมมิทเป็นผู้ดำเนินการ  โดยในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 19 มี.ค.มีรายละเอียดเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น 5 คน ในจำนวนดังกล่าวมี กมลฉัตร จึงรุ่งเรืองกิจ นายทวี จรุงสถิตพงศ์ด้วย ทั้งนี้การโอนรับหุ้นในวันที่ 14 ม.ค. และโอนคืนในวันที่ 21 มี.ค. ไม่มีการชำระเงิน ใดๆ กับหุ้นตัวนี้ 

ต่อมานายทวี จรุงสถิตพงศ์  (หลานบี) เบิกความว่า ตนมีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว กรณี บ.วี-ลัคมีเดียนั้น ตนเข้าไป เกี่ยวข้องเพราะได้รับหุ้นมาจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยในวันที่ 14 ม.ค. 62  ทำสัญญาโอนหุ้นที่บ้านนางสมพร ซึ่งตนเดินทางไปพร้อมกับนายปิติ (พี่ชาย) เมื่อไปถึงบ้านของนางสมพรในเวลา 19.00 น. ได้พบกับนางสมพร เจ้าหน้าที่บัญชี 2 คน และทนายความ  ซึ่งมีการเตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้ว โดยตนรับโอนหุ้นมาเพื่อฟื้นฟูกิจการ เอาธุรกิจมาทำใหม่ เนื่องจากตนเรียนจบสาขานิเทศศาสตร์  หลังจากได้รับมอบหมายได้ใช้เวลาอยู่สักพักหนึ่งในการ วิเคราะห์แผนธุรกิจมานำเสนอ 2 แนวทาง คือการปรับโครงสร้างจากสื่อสิ่งพิมพ์มาเป็นอีบุ๊ค หรือเพิ่มเป็นผู้พิมพ์ด้วยเนื่องจากมีเทคโนโลยีการพิมพ์แบบใหม่ๆ  แต่ทั้ง 2 แนวทาง นางสมพรต้องเพิ่มเงินลงทุน ต่อมาเมื่อนางสมพรตัดสินใจไม่ทำธุรกิจต่อ ตนจึงโอนหุ้นคืนให้ในวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่บัญชีกับทนายความร่วมเป็นพยาน  โดยในการโอนหุ้นไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นแต่อย่างใด

จากนั้นนายทวีได้ตอบข้อซักถามของทนายความโดยอธิบายถึงการโอนหุ้นที่เป็นทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านบาทจากนางสมพรว่า  ตนได้รับการสนับสนุนจากนางสมพรตั้งแต่เรียนจบ และมีสถานะเป็นหลานชาย ก่อนหน้านี้เคยได้รับโอกาสให้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ซึ่งตนเป็นผู้ลงแรงส่วนนางสมพรเป็นผู้ลงทุน  จนถึงปัจจุบันนางสมพรก็ยังให้การสนับสนุนตนในหลายๆด้าน  นอกจากประกอบธุรกิจส่วนตัวแล้ว ตนยังมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปสนามไดรฟ์กอล์ฟเบอร์ดีไฟว์ของนางสมพร  ซึ่งตนดูแลมานานเกือบ  7 ปี

ต่อมานายพิพัฒน์พงศ์ รุจิตานนท์ ทนายความ เบิกความว่า ตนมีอาชีพเป็นทนายความมานานกว่า 1 ปี ทำคำรับรองเอกสารการโอนหุ้น เอกสารตราสารโอนหุ้น ในวันที่ 14 ม.ค. ได้จัดทำเอกสาร 2 ฉบับ โอนหุ้นจากสมพรไปให้กับนายทวีและนายปิติ และในวันที่ 21 มี.ค.โอนหุ้นจากนายทวีและนายปิติไปยังนางสมพร  โดยในการโอนหุ้นทั้ง 2 วัน ทำกันที่บ้านของนางสมพร ระหว่างการโอนหุ้นทั้ง 2 ครั้ง มีนางลาวัลย์และนางกานต์ฐิตาเป็นพยาน และได้นำอากรสแตมป์ไปติดในเอกสารด้วย

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนพยาน 10 ปากตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ศาลได้แจ้งคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายว่า ศาลนัดฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ในวันพุธที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. และให้คู่กรณีส่งคำแถลงปิดคดีภายในเวลา 15 วัน นับจากวันนี้