'รมช.กห.' แจงงบกองทัพไม่สูงผิดปกติปี'63 เน้นปรับปรุงสวัสดิการ

'รมช.กห.' แจงงบกองทัพไม่สูงผิดปกติปี'63 เน้นปรับปรุงสวัสดิการ

"รมช.กห." แจงงบกองทัพไม่สูงผิดปกติปี'63 เน้นปรับปรุงสวัสดิการ-ซ่อมอาวุธ ย้ำยุทโธปกรณ์ เกิน 58% อายุใช้งานกว่า 30 ปี

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.62 พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วันที่สอง ถึงการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหม วงเงิน 2.33 แสนล้านบาท ว่าการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานไม่สูงหรือเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ หากพิจารณาตามระดับจีดีพี ที่ปี 2563 ได้รับงบประมาณเท่ากับ 7.29 ต่อจีดีพี ขณะที่ค่าเฉลี่ยต่องบประมาณ อยู่ที่ร้อยละ 1.3 และเมื่อพิจารณาตามอัตราการได้รับงบประมาณเฉลี่ยของกองทัพ ปี 2540 ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐหิจ ได้รับงบ อยู่ที่ 2.2ของระดับจีดีพี หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของวงเงินงบประมาณ แต่หลังจากที่มีภาวะปัญหาเศรษฐกิจกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณลดลงตามลำดับ และต่ำสุดเมื่อปี 2549 ที่ได้รับเพียง 1.1 ของจีดีพี และเมื่อเปรียบเทียบกับงบทหาร, งบความมั่นคงและกลาโหมของกลุ่มประเทศอาเซียนพบว่าจะมีค่าเฉลี่ยสากล อยู่ที่ 2.2 ของจีดีพี แต่ของไทยอยู่ที่ 1.3 ต่อจีดีพี เท่านั้น

"ช่วงที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม ไม่ได้รับงบประมาณที่สูงผิดปกติ ส่วนงบประมาณที่เพิ่มขึ้นปีนี้ กว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อใช้ดูแลสวัสดิการของข้าราชการ ปรับปรุงที่อยู่อาศัย และซ่อมแซมรวมถึงจัดหาเครื่องมือช่วยเหลือประชาชน ขณะที่งบประมาณเพื่อซ่อมปรับปรุงยุทโธปกรณ์มีเฉพาะที่ปรับปรุง ส่วนที่ล้าสมัย ขณะที่การซื้อทดแทนยุทโธปกรณ์ที่ไม่สามารถหาชิ้นส่วน หรือซ่อมแซมได้ เป็นไปตามแผนพัมนากองทัพ และเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ คิดเป็น 1 ใน 3 กองกำลังที่มีทั้งหมด” พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง

พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงด้วยว่า สำหรับอนาจหน้าที่หลักของกระทรวงกลาโหม คือ ป้องกันประเทศ, รักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ, การรักษาความมั่นคงภายในประเทศ และ การพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ กองทัพมีความจำเป็นเตรียมกำลังเพื่อดูแลความเรียบร้อย ประเมินภัยคุกคามเตรียมกำลังให้พร้อมมากกว่าการใช้กำลัง โดยพิจารณาสถานการณ์และขีดความสามารถด้านงบประมาณ​การเตรียมกำลังแนวคิดที่ว่าจะมีความพร้อมท 1 ใน 3 คือ กองพล ลดระดับกรมที่มีความพร้อม คือ มีขีดความสามารถ มีอำนาจการยิง มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ มีอำนาจการติดต่อสื่อสารที่เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ยุทโธปกรณ์ของกองทัพในอดีต ได้รับสนับสนุนและช่วยเหลือจากมิตรประเทศ และจัดหาบางส่วน ยุทโธปกรณ์ เช่น เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ปัจจุบัน อายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป รถถังบางชนิด อายุการใช้งาน 40 - 50 ปี รถเกราะที่ใช้ ปัจจุบันมีอายุการใช้งาน 40 ปี เครื่องบินขับไล่ เอฟห้า ที่กองทัพอากาศใช้ มีอายุการใช้งาน 41 ปี เครื่องบินลำเลียง ซี130 มีอายุใช้งาน 40 ปี ทั้งนี้ยุทโธปกรณ์ที่มีอายุที่ใช้งานเกิน 30 ปี มียอดรวมคิดเป็นร้อยละ 58 ดังนั้นในการจัดหาเพื่อทดแทนยุทโธปกรณ์ที่ชำรุด ไม่สามารถซ่อมได้ มีเพียง 1ใน 3 ของสิ่งที่มีทั้งหมด ทั้งนี้กองทัพยังเน้นการปรับปรุง และซ่อมแซมยุทโธปกรณ์ให้ใช้งานได้ต่อไป ทั้งที่ประเทศต้นกำเนิด ไม่ใช้แล้ว แต่การจัดหาเท่าที่จำเป็น เพื่อสอดคลองกับการใช้กำลัง​