ติดตามงบแบงก์

ติดตามงบแบงก์

คาด SET แกว่งตัว 1,625 – 1,640 จุด โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยบวกจากอังกฤษและ EU สามารถบรรลุข้อตกลง Brexit ร่วมกันได้

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลงเล็กน้อย -1.66 จุด (-0.10%) ปิดที่ระดับ 1,632 จุด ด้วย Volume 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับนักลงทุนรอติดตามการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่เข้าสู่การประชุมสภาฯ รวมถึงการประกาศงบ 3Q19 กลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศจนถึงสัปดาห์หน้า ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นซื้อสุทธิ 222 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 19,930 สัญญา แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,258 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลาง คาด SET แกว่งตัว 1,625 – 1,640 จุด โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยบวกจากอังกฤษและ EU สามารถบรรลุข้อตกลง Brexit ร่วมกันได้และอังกฤษเตรียมแถลงต่อรัฐสภาในวันเสาร์นี้ ก่อนที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจะโหวตรับรองข้อตกลงฉบับนี้หรือไม่ในวันที่ 31 ต.ค. ประกอบกับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นหลังสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงชะลอตัว รวมถึงความกังวลผลประกอบการ 3Q19 ของกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจรวมถึงทิศทางดอกเบี้ยขาลงจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวล

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

หุ้นที่คาดว่างบ 3Q19 จะเติบโต GPSC BGRIM EA ADVANC BCH CHG EPG PRM JMT

กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง

Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

ADVANC (ปิด 230 ซื้อ/เป้า 260) ปลอดภัยจาก Trade war, ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q19 ยังเติบโตตรงข้ามกับหุ้น Big Cap ในกลุ่ม พลังงานและธนาคารที่ชะลอตัว โดยเราคาดกำไรสุทธิประมาณ 8.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%qoq และ 25%yoy

CK (ปิด 23.10 ซื้อเก็งกำไร/เป้า IAA Consensus 31 บาท)  เก็งกำไรข่าว รฟท. นัดกลุ่ม CP เซ็นสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ในสัปดาห์หน้า (25 ต.ค.) คาด CK เต็งหนึ่งได้งานก่อสร้างเพราะถือหุ้นอยู่ในกลุ่ม CP อยู่แล้ว หากได้งานนี้จริงจะช่วยปลดล็อกปัญหางานในมือ (Backlog) ที่อยู่ในระดับต่ำออกไป ขณะที่ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน 2Q19 ไปแล้ว

บทวิเคราะห์วันนี้

CPF (ปิด 26.5 ซื้อ /เป้า 33.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) อังกฤษ และ EU บรรลุข้อตกลง Brexit ร่วมกันแล้ว แต่ต้องรอรัฐสภาอังกฤษลงมติรับรองในช่วงวันเสาร์นี้ก่อน : นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ นายฌอง คล้อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เผยว่าอังกฤษและ EU ได้บรรลุข้อตกลง Brexit ร่วมกันแล้ว อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับร่างข้อตกลงดังกล่าว และที่สำคัญข้อตกลงนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาของอังกฤษและ EU ก่อนซึ่งคาดว่ารัฐสภาอังกฤษจะเปิดประชุมเพื่ออภิปรายต่อประเด็นดังกล่าวในช่วงวันเสาร์นี้ ซึ่งตลาดยังกังวลว่าร่างข้อตกลงนี้อาจจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเนื่องจากเป็นร่างข้อตกลงแบบ No deal Brexit

(+) น้ำมันดิบปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แม้ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นกว่า 9 ล้านบาร์เรล : EIA รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4 ล้านบาร์เรล นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ยังเพิ่มขึ้นอีก 57 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 53.93 ดอลลาร์/บาร์เรล  เนื่องจากตลาดเชื่อว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงในสัปดาห์ถัดไปหลังจากที่สต๊อกน้ำมันเบนซินและสต๊อกน้ำมันกลั่นเริ่มลดลงเช่นกัน โดยสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล (เมื่อโรงกลั่นผลิตเพิ่มจะใช้น้ำมันดิบมากขึ้น)

(+/-) วันนี้ติดตามจีนประกาศ GDP ไตรมาส 3/19 หากขยายตัวต่ำกว่าระดับ 6% จะเป็นปัจจัยลบกดดันบรรยากาศการลงทุน : เช้าวันนี้จีนจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 Consensus คาดขยายตัว 6.1% ชะลอตัวจากไตรมาส 2/19 ที่ขยายตัว 6.2% จากผลกระทบของ Trade war ทั้งนี้หากตัวเลข GDP จีนขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้หรือขยายตัวต่ำกว่าระดับ 6% จะกลายเป็น Sentiment ลบกดดันบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคทั้งตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เนื่องจากจีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานมากเป็นอัน 2 ของโลก