"อุตตม"แจงงบ63ไม่ขัดกฎหมายตั้งเป้าสมดุลปี73

"อุตตม"แจงงบ63ไม่ขัดกฎหมายตั้งเป้าสมดุลปี73

"อุตตม"แจงรัฐบาลทำงบประมาณ63ไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ยันจำเป็นต้องกู้ขาดดุลเพื่อนำเงินลงทุนพัฒนาประเทศ เผยมีเป้าหมายทำงบสมดุลในปีอีก 10 ปีข้าง หรือปี 2573

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ของรัฐบาล โดยยืนยัน การจัดทำงบประมาณดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และ รวมถึง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ใน 6 ด้าน ทั้งนี้ สำหรับการจัดงบประมาณแบบขาดดุลนั้น ถือว่า เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งต้องลงทุนเพื่ออนาคต เราจึงต้องใข้นโยบายการคลังแบบขยายตัว แต่เราทำภายใต้กฎหมายวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนว่า งบขาดดุลจะต้องนำมาใช้เพื่อการลงทุนเท่านั้น

อย่างไรก็ดีขอเรียนว่ารัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนที่จะทำให้งบประมาณเข้าสู่จุดสมดุลโดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานนั้น ได้กำหนดเป้าหมายที่จะทำงบประมาณสมดุลให้สอดรับกับแผนการคลังระยะปานกลางโดยในปี 2561 งบประมาณ จะเข้าสู่จุดสมดุล

กรณีที่สมาชิกอภิปราย เรื่องการลงทุนว่ารัฐบาลมีความจริงใจจะขับเคลื่อนการลงทุนหรือไม่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าในปีงบประมาณ 2563 งบลงทุนบริษัทส่วนถึง 25% ของงบประมาณรายจ่าย ลดลงจากปีงบประมาณ 2562 ที่มีงบลงทุน 21.6% แต่เมื่อเทียบเป็นเม็ดเงินแล้วเพิ่มขึ้น หากมองย้อนไปในอดีตจะพบว่างบลงทุนมีสัดส่วนที่น้อยกว่านี้ โดยในปี 2554 งบลงทุนมีสัดส่วน 17.2% ปี 2555 มีสัดส่วน 18.49% ปี 2556 มีสัดส่วน 18 18% ปี 2557 มีสัดส่วน 17.5%และปี 2558 มีสัดส่วน 17.5% ต่อมาปี 2559 มีสัดส่วน 20.5% ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะขับเคลื่อนงบลงทุนดังกล่าว

อีกประการขอเรียนว่า รัฐบาล มีกลไกเสริมที่จะเข้ามาช่วยลดภาระงบประมาณลงทุนคือการดึงภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนผ่านโครงการ ppp ทำให้รัฐบาลประหยัดงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและนำไปใช้ในโครงการเพื่อสังคมและการศึกษาได้มากขึ้นปัจจุบันมีโครงการ ppp มากถึง 16 โครงการคิดเป็นเงินแสนล้านบาท ในส่วนของรัฐวิสาหกิจก็พยายามเร่งรัดการเบิกจ่าย ให้ได้ตามเป้าหมาย

ส่วนเรื่องการจัดเก็บรายได้มีการอภิปรายว่ารัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้ตามที่แถลงไว้จริงหรือไม่ขอเรียนว่ารัฐบาลจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้า 2.73 1 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลก็เก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งข้อมูลที่สมาชิกระบุว่าจัดเก็บพลาดเป้าถือเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน โดยในปีงบประมาณ 2562 นั้นรัฐบาลจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนกรณีการจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ลดลง จึงมีผลให้การจัดเก็บ ภาษีดังกล่าวลดลงตามไปด้วย

ทั้งนี้ขอเรียนว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการเสริมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้โดยจะดำเนินการผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครอบคลุมโดยนำระบบไอทีเข้ามาช่วยเหลือในการจัดเก็บเป็นไปตามเป้าและเพิ่มฐานภาษีทั้งนี้ในปี 2562 จะเห็นว่าฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขยายตัวถึง 8.7% มียอดบุคคลธรรมดาเข้ามาชำระภาษี 11.8 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการทำ Big Data เข้ามาช่วยให้ผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีเข้ามามากขึ้นถึง 1.7 แสน รายและในระยะ 5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานภาษีนำผู้ที่อยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ ถึง 9 แสนราย

ส่วนกรณีที่สมาชิกสภาฯอภิปรายว่่า ยอดการเบิกจ่ายของรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพขอเรียนว่าเรื่องการเบิกจ่ายเรานับรวมเรื่องการก่อหนี้ผูกพันไปด้วยถือเป็นตัวชี้วัดการเบิกจ่าย โดยปีงบประมาณ 2562 ยอดเบิกจ่ายงบลงทุนจะเป็นไปตามเป้าที่ 80%