จี้รัฐบาลรับซื้อยาเส้น หลังสรรพาสามิตขึ้นภาษี 2,000%

จี้รัฐบาลรับซื้อยาเส้น หลังสรรพาสามิตขึ้นภาษี 2,000%

เกษตรกรผู้ปลูกยาเส้นบุกสภาฯ โวยสรรพสามิตขยับเพิ่มภาษี 2,000% ทำลายอาชีพเกษตรกร จี้ "ประยุทธ์" รับฟังปัญหาปรับภาษีเป็นขั้นบันได-หาผู้รับซื้อ ทำไม่ได้อย่าอยู่บริหารประเทศ

นายนิพนธ์ นอกไธสง และนายยุพราช บัวอินทร์ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยาเส้น จังหวัดเพชรบูรณ์ที่เดินทางมายื่นเรื่องคัดค้านภาศียาสูบกว่า 200 คน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนางกันตวรรณ ตันเถียร ประธานคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ และนายอันวาร์ สาและ ประธานคณะกรรมาธิการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือกรณีขึ้นภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากการซื้อขายยาเส้นกว่า 2,000%

โดยนายนิพนธ์ ระบุว่า มาตรการขึ้นภาษีแบบข้ามคืนจากกิโลกรัมละ 58 บาท เป็น 1,175 บาท เป็นภาษีโหดที่ส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายยาสูบ เพราะกำลังซื้อมีจำนวนลดลง โรงงานสามารถรับซื้อผลผลิตได้ไม่ถึงครึ่ง มาตรการภาษีสรรพสามิต จึงกำลังส่งผลกระทบต่อฤดูการปลูกครั้งต่อไป โดยอาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่สามารถที่จะลดภาษีได้ก็ขอให้หาผู้รับซื้อยาเส้นทุกเส้นจากเกษตรกร

ขณะที่นายยุวราช กล่าวว่า เกษตรกรผู้ปลูกยาเส้นเข้าใจดีว่ารัฐบาลต้องการลดเลิกการสูบบุหรี่ แต่ไม่ใช่การออกกติกาเฮงซวย กระทบเกษตรกร การขึ้นภาษีควรขึ้นในลักษณะขั้นบันได แล้วหาพืชทดแทนให้เกษตรกรปลูกเพื่อลดการปลูกยาเส้น เราพร้อมทำตามกติกาของรัฐบาล แต่อย่าทำลายอาชีพเกษตรกรคนจน โดยพื้นที่หล่มสักและหล่มเก่า รายได้หลักของเกษตรกรที่นำไปเลี้ยงปากท้อง ส่งลูกเรียนคือรายได้จากการปลูกยาเส้น อย่าทำลายวิถีชีวิตอาชีพของเกษตรกร อยากให้นายกฯทราบเรื่องจริงว่าลูกน้องของท่านออกระเบียบทำลายอาชีพ ข้อมูลที่ท่านเคยได้รับจากลูกน้องก็เป็นข้อมูลเท็จ ถ้ารัฐบาลทำลายอาชีพเกษตรกรก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่บริหารประเทศต่อไป

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่คัดค้านมาตรการลดเลิกการสูบบุหรี่ของรัฐบาล แต่ทุกมาตรการควรดำเนินไปด้วยความพอดี การปรับเพิ่มภาษีต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกร