มีโอกาสที่จะเริ่มเห็นหยวนแข็งค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับ Fund Flow เน้นเลือกหุ้นรายตัว

มีโอกาสที่จะเริ่มเห็นหยวนแข็งค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับ Fund Flow เน้นเลือกหุ้นรายตัว

บรรยากาศลงทุนโดยรวมชะลอติดตาม Brexit และเจรจาการค้า

หุ้นสหรัฐฯและยุโรปปรับลดลง รอติดตามความคืบหน้าเจรจาการค้าหลังสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายที่จีนมองเป็นการสนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง ทำให้เกิดความกังวลต่อผลการเจรจา ขณะที่ตลาดติดตามข้อเสนอเกี่ยวกับพรมแดนไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนจากผู้นำยุโรปและรัฐสภาอังกฤษ อาจช่วยให้บรรลุข้อตกลง Brexit ที่หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลกได้ ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกว่าสถานการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นั้นผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว

เงินหยวนมีโอกาสหยุดอ่อนค่า จะเป็นปัจจัยบวกต่อเงินทุนไหลเข้า ค่าเงินหยวนอ่อนค่าจากระดับ 6.7 หยวน/เหรียญฯ ในช่วงมี.ค. สู่ 7.18 หยวน/เหรียญฯ ในช่วงต้นก.ย.ที่ผ่านมา จากความกังวลจีนใช้การอ่อนค่าของเงินหยวนเป็นเครื่องมือบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีการค้า (trade tariff) จากทางสหรัฐฯ ซึ่งการอ่อนค่าของเงินหยวนเป็นปัจจัยลบกดดันต่อทุกสกุลเงินในภูมิภาค และกดดันให้เงินทุนต่างชาติไหลออก อย่างไรก็ตามการเจรจาการค้าที่มีความคืบหน้าและมีโอกาสบรรลุข้อตกลงขั้นตอน คาดจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินหยวนกลับมามีเสถียรภาพและแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อเงินทุนไหลเข้า

ติดตามงบกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะแย่สุดใน 3Q62 และเริ่มดีขึ้น จะทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารมีโอกาสเริ่มฟื้นตัวมาช่วยตลาด ขณะที่การรายงานผลประกอบการ DTAC ที่ออกมาดี และเห็นการฟื้นตัวขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) หลังผู้ประกอบการทยอยลดการแข่งขันซิมข้อมูลราคาถูก ทำให้คาดผลประกอบการของหุ้นอื่นในกลุ่มจะฟื้นตัวดีเช่นกัน ทั้ง ADVANC, INTUCH และ TRUE ซึ่งมีโอกาสลดภาระทางการเงินด้วยการขายหน่วยลงทุนใน DIF ซึ่งช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยในอนาคตได้

เราเน้น selective buy ในหุ้นที่โมเมนตัมกำไรช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก พื้นฐานแกร่ง ราคาไม่แพง เพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/62 เราเน้น selective buy หุ้น 1) สาธารณูปโภคที่ยังไม่แพง WHAUP, BGRIM, SSP, NNCL 2) กลุ่มได้ประโยชน์จากน้ำมันทรงตัว อาทิ EPG, BJC, BGC, DCC โรงกลั่น SPRC, TOP, BCP, ESSO 3) กลุ่มโรงแรม AOT, MINT, ERW จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัว // รวมถึงหุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ADVANC, STEC, VRANDA*, TEAMG, MTC, SAWAD, VNT*, CPN

ภาพรวมกลยุทธ์ การย่อไม่หลุด 1620 จุด ทำให้ภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหวแกว่งตัวขึ้นทดสอบ 1635-1650 จุด เน้นหุ้นพื้นฐานดี ราคาไม่แพง และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก // หุ้นแนะนำวันนี้ CPN, WHAUP* / EPG* (เป้า 10, ตัดขาดทุน 7.20), VNT (เป้า 26.50, ตัดขาดทุน 24.75)

แนวรับ 1623 จุด / แนวต้าน : 1635-1643. สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

เตรียมดันชิมช้อปใช้เฟส 2 เข้าครม. สศค.เผย กระทรวงการคลังเตรียมนำมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ เฟส 2” เสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 22 ต.ค. โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนได้ในวันที่ 23 ต.ค.นี้

บอร์ด EEC รับทราบแผนส่งมอบโครงการไฮสปีดเทรน บอร์ดอีอีซี รับทราบแผนส่งมอบพื้นที่โครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน 3 ระยะ: 1.สถานีพญาไท-สุวรรณภูมิ ส่งมอบทันทีหลังลงนาม, 2.สถานีสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ส่งมอบภายใน 1 ปี 3 เดือน (ขยายเวลาได้ไม่เกิน 2 ปี หลังลงนาม), 3.สถานีพญาไท-ดอนเมือง ส่งมอบภายใน 2 ปี 3 เดือน หรือ ไม่เกิน 4 ปี หลังลงนาม

ทรัมป์คาดเซ็นต์สัญญาข้อตกลงกับจีนในเดือน พ.ย. ปธน.ทรัมป์ เปิดเผยว่า ข้อตกลงการค้ากับจีนอาจลงนามกันในช่วงการประชุมสุดยอดเอเปค เดือน พ.ย.

IMF เตือนสถานการณ์การเงินเปราะบาง – IMF ระบุการเปลี่ยนปใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายช่วยบรรเทาความกังวลและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ทำให้เกิดความเปราะบางด้านการเงิน รวมถึงทำให้การขยายตัวในระยะกลางมีความเสี่ยง

ประเด็นติดตาม: 18 ต.ค. – ประชุม ครม.เศรษฐกิจ / 17-18 ต.ค. – สภาฯพิจารณางบปี 2563 / 25 ต.ค.กลุ่ม CP นัดเซ็นสัญญา High-speed Train /

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)