เกมนี้..'รัฐบาลแพ้ไม่ได้'

เบื้องต้น สภาฯกำหนดกรอบในการอภิปราย3วัน คือวันที่ 17-19 ต.ค. ไว้ที่ 35 ชั่วโมงแบ่งเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้านฝ่ายละ 15 ชั่วโมง รวม 30 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง 2 ชั่วโมง และเผื่อเวลาประท้วง 3 ชั่วโมง

ในส่วนของ “ฝ่ายค้าน” จัด “106ขุนพล” ในการอภิปรายโดยพุ่งเป้าไปที่ 2 ประเด็นหลักนั่นคือ การกระจุกตัวของ “งบประมาณด้านความมั่นคง”  ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่ตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรมว.กลาโหมโดยตรง และ งบประมาณที่เกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจ ในประเด็นที่มาและแหล่งรายได้ของงบประมาณ ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านถึงขั้นออกมาขู่ว่า หากตอบประเด็นนี้ไม่เคลียร์ก็อาจจะต้องมีการงัดแผน2นั่นคือการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ 

ขณะที่ฟาก “รัฐบาล” งานนี้ประมาทไม่ได้ เพราะนอกจากจะเผชิญ “สภาวะเสียงปริ่มน้ำ” ที่เสี่ยงต่อการเพลี่ยงพล้ำแล้ว หากในวาระแรกงบประมาณไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา โดยธรรมเนียมปฏิบัติ “บิ๊กตู่” ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะมี2ทางเลือกในการแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ นั่นคือการ“ลาออก” หรือ “ยุบสภา” 

ดังนั้นรัฐบาลเองก็ต้องเตรียม “แผนหนึ่ง-สอง-สาม” ทั้งการตรวจแถวส.ส.ที่จะต้องเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียง ชนิดที่เรียกว่า “ห้ามป่วย-ห้ามลา-ห้ามขาด”, การให้ “19รัฐมนตรี” ซึ่งเป็นส.ส.ร่วมโหวตงบประมาณ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นกฎหมายสำคัญและรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดข้อห้ามในส่วนนี้ไว้

การ “ดึงพรรคเล็ก” ที่เคยประกาศแยกตัวออกไป ให้กลับมาโหวตด้วยเหตุผลเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะในส่วนของ “พิเชษฐ สถิรชวาล” หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ที่ก่อนหน้านี้ไปปรากฏตัวที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวการดึงเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลกลับมา 

ยังไม่นับรวมแผนที่สี่ นั่นคือการซื้อเสียงส.ส.งูเห่าในการโหวตสนับสนุน จนถึงขั้นที่ฝ่ายค้านออกมาคาดโทษส.ส.ที่แตกแถวโหวตสวนมติพรรคว่า อาจจะต้องจบเส้นทางการเป็นส.ส.ครั้งต่อไป

ทางฝั่งรัฐบาล งานนี้ดูเหมือนจะมั่นอกมั่นใจว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณในวาระแรกจะผ่านฉลุยอย่างแน่นอน คงต้องไปลุ้นกันในวันลงมติว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะเกมนี้ถือเป็นเกมที่รัฐบาลแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด!!