ต่างชาติกลับซื้อหุ้นไทยไตรมาส2ปีหน้า บล.ไทยพาณิชย์ ชูเป้าดัชนี 1,800 จุด

ต่างชาติกลับซื้อหุ้นไทยไตรมาส2ปีหน้า บล.ไทยพาณิชย์ ชูเป้าดัชนี 1,800 จุด

บล.ไทยพาณิชย์ คาดเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ไตรมาส 2 ปีหน้า เชื่อเศรษฐกิจโลก ฟื้นตัว จากเทรดวอร์คลี่คลาย รัฐบาลประเทศต่างๆใช้นโยบายการคลังกระตุุ้น ต่อจากนโยบายการเงิน หนุน ดัชนีหุ้นไทยปีหน้า แตะ 1,800 จุด

สงครามการค้าที่ปะทุหนักขึ้นในช่วงปลายเดือนส.ค.2562 ซึ่ง “สหรัฐ” ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเป็น 30% จากเดิม 25% ทำให้ตัวเลขในเดือนส.ค.นักลงทุนต่างชาติ “ขายสุทธิ” ในตลาดหุ้นไทยสูงถึง 5.42 หมื่นล้านบาท 

แรงขายยังคงมีต่อเนื่องในเดือนก.ย.อีก 1.15 หมื่นล้านบาท และในเดือนต.ค. นักลงทุนต่างชาติ ก็ยังคงเป็นผู้ขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิรวมถึง 9.9 พันล้านบาท 

...คำถาม คือ นักลงทุนกลุ่มนี้จะกลับมาเป็นผู้ “ซื้อสุทธิ” ในตลาดหุ้นไทยเมื่อไหร่?

‘สุกิจ อุดมศิริกุล’ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ จำกัด ประเมินว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ และตลาดหุ้นไทย อันแรก คือ  สงครามการค้าผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดขึ้น เพราะในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นออกไปต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (underperform) และตลาดหุ้นพัฒนาแล้วราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงแล้ว ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาส่วนหนึ่งเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม หากจะหวังให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาต่อเนื่องแบบจริงๆ จังๆ สิ่งสำคัญ คือ เศรษฐกิจโลกต้อง “ฟื้นตัว” ด้วย โดยผลดีจากเทรดวอร์ที่มีทิศทางดีขึ้น และ รัฐบาลของประเทศต่างๆ จะมีการใช้นโยบายการคลังเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจต่อจากกการใช้นโยบายทางการเงิน โดยจะเห็นประเทศต่างๆมีการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงประเทศไทย 

ดังนั้นจึงคาดว่าเม็ดเงินต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนได้ตั้งแต่ไตรมาส2 ปี 2563 รวมถึงคาดว่ามีเม็ดเงินทุนตรง ( FDI)ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศแถบอาเซียนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จากที่เกิดความขัดแย้งในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ จะทำให้มีการย้านฐานการผลิตมากในประเทศแถบอาเซียนมากขึ้น ทำให้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้า จะปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะ ระดับ 1,800 จุด และกำไรบริษัทจดทะเบียน ปรับตัวดีขึ้น 5-10% จากปีนี้ ที่โตเพียง 2-3 % 

สุกิจ คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะทำสถิติสูงสุดในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 จากการที่รัฐบาลไทยมีการเบิกจ่ายงบประมาณ มาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลงทุน ส่งผลดีทำให้ภาคเอกชนมั่นใจลงทุน และส่วนเศรษฐกิจไทยปีหน้าคาดว่าจะโตระดับ 2.7-2.8 % 

‘เม็ดเงินต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นเกิดใหม่ ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า  เพราะ คาดเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น  จากเทรดวอร์ ผ่อนคลาย และ รัฐบาลประเทศต่างๆ มีการใช้นโยบายการคลัง เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ  ซึ่งจะเห็นรัฐบาลไทยมีการลงทุนมากขึ้น  จากมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63  จะทำให้ภาคเอกชน มีความมั่นใจลงทุนตามมา’ นายสุกิจกล่าว 

สำหรับการลงทุนในไตรมาส4 ปี2562 สุกิจ ประเมินว่า ยังมีความเสี่ยง จากเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะทำจุดต่ำสุดของปีนี้    เพราะ ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3  ขณะที่รัฐบาลยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนได้  การท่องเที่ยวฟื้นตัวไม่มาก ประกอบกับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562 ประกาศออกมาช่วงกลางเดือนพ.ย. นี้ จะออกมาไม่ดี ส่งผลให้นักวิเคราะห์ต่างๆ มีการปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง 

 สำหรับการลงทุนระยะสั้นก่อนที่จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 นี้  จะประกาศออกมาในช่วงกลางเดือนนี้ นักลงทุนควรลงทุนในหุ้นปลอดภัย หุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง เน้น หุ้น Domestic play ที่มีโมเมนตัมการเติบโตของกำไรสนับสนุน และหุ้นที่มี สตอรี่ เกี่ยวกับการเติบโตต่อเนื่องถึงปีหน้า หุ้นแนะ นำ คือ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มการแพทย์ กลุ่มพาณิชย์ และ กลุ่มขนส่ง   

โดยควรหลีกเลี่ยง หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ และยานยนต์ เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า และความต้องการซื้อชะลอตัว  แต่หากปีหน้าภาพรวมเศรษฐกิจโลก มีการปรับตัวดีขึ้น ควรปรับพอร์ตเพื่อลงทุนในหุ้น ที่มีการเติบโตตามเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ฯลฯ 

ส่วนทิศทางค่าเงินบาท คาดว่าจะยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง เพราะฐานะการเงินของประเทศไทยแข็งแกร่ง และผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริง ถือว่าสูง ในอันดับต้นๆของโลก ทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรของไทย