ส่องสังเวียนศึก “ดิจิทัล” รายเก่าไป “รายใหม่” มา

ส่องสังเวียนศึก “ดิจิทัล” รายเก่าไป “รายใหม่” มา

ปี 2573ซึ่งจะเป็นการปลดปล่อยยักษ์แห่งวงการดิจิทัลหน้าใหม่ 40 รายจากอีก 15 ประเทศ

บรรยายภาพ : อเมซอน ไบโอโดม ที่ซีแอตเติล

จีวีจี แคปปิตัล (GVG Capital) บริษัทไพรเวทอิควิตี้อันดับ 1 ของโลกในวงการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เผยแพร่รายงานเรื่อง Who Will Win Next Digital Race : startups, digital giants like Amazon or incumbents like Walmart, Tata, Lidl? ซึ่งได้จากการศึกษาการพลิกโฉมธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลขนาดใหญ่ที่สุดของโลกครอบคลุมบริษัท 5,000 แห่งใน 100 ประเทศ

การเดิมพันในการแข่งขันครั้งนี้สูงมาก โดยมีโอกาสสำหรับผู้ชนะเพียง 1 ที่ ซึ่งอาจเป็นยักษ์ดิจิทัลในตลาดขนาดใหญ่แต่ละแห่ง เช่น อเมซอนในตลาดค้าปลีกสหรัฐ หรือเทนเซ็นต์ในอุตสาหกรรมสื่อจีน

“ยักษ์ใหญ่ดิจิทัล” หมายถึงบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่างครองตลาดที่บริษัทของตัวเองดำเนินธุรกิจอยู่ โดยคาดว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกมูลค่าสูงถึง 50 ล้านล้านดอลลาร์ จะย้ายไปสู่ระบบออนไลน์ภายในปี 2573 ซึ่งจะเป็นการปลดปล่อยยักษ์แห่งวงการดิจิทัลหน้าใหม่ 40 รายจากอีก 15 ประเทศ เช่น อินเดีย และ เยอรมนี ในหลายสิบตลาดที่มีมูลค่ารวมนับล้านดอลลาร์ ตั้งแต่อาหารไปจนถึงสุขภาพ

ในรายงานฉบับนี้ ระบุข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า การแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าสังเวียนดิจิทัลในช่วงแรก (2538-2563) ได้ก่อกำเนิดยักษ์ใหญ่ดิจิทัล 8 ราย ซึ่ง 6 บริษัทมาจากสหรัฐ (อเมซอน,แอ๊ปเปิ้ล,เฟซบุ๊ค, กูเกิล, ไมโครซอฟท์, เน็ตฟลิกซ์ ) ส่วนอีก 2 บริษัทมาจากจีน (อาลีบาบา ,เทนเซ็นต์ ) และในจำนวนนี้เป็นบริษัทมีมูลค่าสูงที่สุด 7 ใน 10 แห่งของโลก

การแข่งขันดิจิทัลสังเวียนต่อไป (2563-2573) จะให้กำเนิดยักษ์ดิจิทัลรายใหม่ 40 บริษัทจากอีก 15 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร บราซิล เม็กซิโก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในตลาดนับสิบตลาดรวมมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ อาหาร ค้าปลีก บริการการเงิน สื่อ สินค้าอุปโภคบริโภค การขนส่ง โทรคมนาคม ไปจนถึงเทคโนโลยี

เจ้าตลาดเดิมมีหน้าต่างแห่งโอกาสเปิดรออยู่ เพราะสตาร์ทอัพและยักษ์ดิจิทัลต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง การต่อต้านจากภาครัฐ ความไม่พอใจของประชาชน และความกังขาของนักลงทุน

เพื่อที่จะคว้าชัยชนะในศึกดิจิทัลสังเวียนหน้า และก้าวขึ้นเป็นยักษ์ดิจิทัลรายใหม่ บริษัทต่างๆ จะต้องปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าขึ้น 10 เท่า ดำเนินธุรกิจด้วยความเร็วในระดับเดียวกับผู้ก่อตั้งหรือเจ้าของ และทะลุทะลวงตลาดของตัวเองด้วยนวัตกรรมที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต บริษัทที่มีโครงสร้างความเป็นเจ้าของแบบกระจุกตัว (Concentrated Ownership) เช่น ผู้ก่อตั้ง ครอบครัว หรือหุ้นเอกชน มีความได้เปรียบอย่างมีนัยสำคัญ

“ข้อมูลเชิงลึกของเราถูกรวบรวมเป็นรูปเป็นร่างด้วยประสบการณ์ตรงกว่า 25 ปีในการสร้างผู้นำตลาดดิจิทัล 30 รายใน 4 ทวีป ครอบคลุมตลาดมากกว่าสิบกลุ่ม ได้แก่ ค้าปลีก ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โลจิสติกส์ บริการการเงิน และอาหาร เป็นต้น” นายเลิฟ โกเอล ประธานและซีอีโอของจีวีจี ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ทิ้งท้าย