"ปิยบุตร"เตือนผบ.ทบ."กระตุ้นแตกแยก"

"ปิยบุตร"เตือนผบ.ทบ."กระตุ้นแตกแยก"

"ปิยบุตร"เตือนผบ.ทบ."กระตุ้นแตกแยก" ใช้"อคติ"ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นประเทศ

นักการเมืองฝ่ายค้านเตือน ผบ.ทบ.แสดงความเห็นโดยไม่เข้าใจการเมืองยุคใหม่ สร้างความเสียหายร้ายแรง ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่อประเทศ ชี้มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู กระตุ้นให้เกิดการแตกแยกระหว่างรุ่น ห่วงสร้างภาวะยุคสงครามเย็นให้ทหารเข้ามาปกครอง ‘วินธัย’แจง ผบ.ทบ.ปัดล้วงการเมือง เชื่อคนส่วนใหญ่เข้าใจ ชี้ถูกเบี่ยงประเด็นโจมตีทหาร

การบรรยายพิเศษของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) หัวข้อ “แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง” กลายเป็นประเด็นที่ฝ่ายการเมืองออกมาตอบโต้แนวคิดของ ผบ.ทบ. โดยพรรคอนาคตใหม่(อนค.) 1 ใน 7 พรรคฝ่ายค้านที่รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ นายบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เปิดเวทีพรรค บรรยายพิเศษในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชนในการสร้างชาติ” ซึ่งมีเนื้่อหาในการโต้ตอบและชี้ประเด็นข้อกล่าวหาต่างๆ ทางการเมือง ต่อการบรรยายของ ผบ.ทบ.ที่แม้จะไม่ได้ระบุชื่อนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด แต่นายปิยะบุตร เชื่อว่าหมายถึงพรรค อนค.และแกนนำ อาทิ ตัวเขาเอง หรือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค

นายปิยบุตร ระบุว่า การบรรยายของเขาเป็นปฏิกิริยาตอบโต้การบรรยายของ ผบ.ทบ. และต้องแก้ความเข้าใจผิดของ ผบ.ทบ. ซึ่งแทนที่จะนำเสนอแนวทางแก้ปัญหา แต่กลับทำให้คนในชาติแตกแยก แบ่งแยกแล้วปกครอง และตอกลิ่มให้เกิดการแตกแยกทางรุ่น หาก ผบ.ทบ.ฟังแล้วไม่รื่นหู ไม่สบายใจ ก็ต้องขออภัย แต่นี่คือมิติใหม่ในการสร้างบทสนทนากับ ผบ.ทบ.ในพื้นที่สาธารณะ

“ผมเชื่อว่าสิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวบรรยายนั้น สะท้อนถึงวิธีคิดของ ผบ.ทบ. และกองทัพไทย ที่จะทำให้เกิดความแตกแยกกับคนในชาติ” นายปิยบุตร ระบุ

สอนสร้างชาติพึ่งปชช.ประคองรัฐ

นายปิยบุตร เริ่มต้นการบรรยายด้วยการอธิบายคำว่า “ชาติ” และระบุว่าการสร้างชาติต้องสร้างจิตสำนึกร่วมกันของคนไทย ซึ่งความเป็นชาติไทยเพิ่งถูกสถาปนาผ่านการเขียนประวัติศาสตร์ของนักประวัติศาสร์ ผ่านการต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ

ขณะที่โลกยุคสมัยใหม่ได้เกิดการเป็นชาติแบบใหม่ ซึ่งเรียกว่า Secularization of state แต่ก่อนองค์ประธานที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐคือพระเจ้า พระมหากษัตริย์ และผู้นำทหาร ตนมองว่าต้องสร้างชาติในยุคปัจจุบันคือ การถอดอำนาจออกจากตัวบุคคล มาให้กับประชาชน หากต้องการให้คนในชาติยุคปัจจุบันมีจิตสำนึกร่วมกันต้องสร้างประชาชน เพื่อให้ประชาชนสร้างชาติ เมื่อประชาชนเป็นผู้สร้างชาติคนที่รวมตัวกันจะเกิดจิตสำนึกร่วมกัน เคารพ และเสียสละเพื่อสร้างชาติ ดังนั้นชาติจึงเท่ากับประชาชน หากไม่มีประชาชนจึงไม่มีชาติ หากประชาชนไม่ถูกสร้างและมีจิตสำนึกจะไม่มีวันสร้างชาติได้

เขายังนำเสนอว่า การสร้างชาติจำเป็นต้องสร้างคุณค่าพื้นฐานใหม่ 4 ประการ ประกอบด้วย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชน เคารพความเสมอภาคในสิทธิเสรีภาพ การพึ่งพาช่วยเหลือกันฉันมิตรอย่างเพื่อนร่วมชาติ และเคารพความแตกต่างหลากหลาย ทั้งนี้ผมขอชวนคนไทยฐานะประชาชนที่แม้ความเห็นแตกต่าง หรือทะเลาะ ขัดแย้ง หรือสนับสนุนฝ่ายการเมืองที่ต่างกัน ร่วมกันสร้างชาติและแผ่นดินของเราด้วยการเคารพความเป็นคนของผู้อื่น ยึดมั่นสิทธิเสรีภาพ เคารพความแตกต่างของบุคคลอื่น หากทำได้เชื่อว่าจะเกิดแผ่นดินของคนไทยและของเราทุกคน เพื่อให้เกิดความมั่นคงของประชาชน ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นความมั่นคงของรัฐ”

ทำลายความชอบธรรมการแก้รธน.

นายปิยบุตร กล่าวถึงรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 ที่กำหนดเงื่อนไขการแก้ไขได้ทุกหมวด ทุกมาตรา แต่มีเงื่อนไขที่เขียนไว้ในมาตรา 255 และ 256 ที่ระบุว่าห้ามแก้ไข อาทิ รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปลี่ยนรูปของรัฐ การปกครอง ดังนั้นมาตรา 1 สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องไม่มีผลที่ทำให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปลี่ยนรูปของรัฐ การปกครองประเทศ ดังนั้นสิ่งที่ ผบ.ทบ.ระบุว่ามาตรา 1 แก้ไขไม่ได้ จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง

"ผมมองว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายความชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องการแก้ตามเงื่อนไขและกติกาที่กำหนดไว้ ไม่มีทางที่ส.ส.จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเกินกรอบ ผมขอคิดให้ดี ระหว่างคนที่มีปากกา มีปาก มีมือ กับคนที่มีอาวุธ ใครกันแน่ที่ละเมิดมาตรา 1 เพราะที่ผ่านมา คณะรัฐประหารที่เข้ามาและฉีกรัฐธรรมนูญ เขามีโอกาสมากกว่า ที่จะแก้ไขมาตรา 1 เพราะการฉีกรัฐธรรมนูญคือการสร้างสูญญากาศ”

ชี้ภัยคุกคามแบบใหม่คือลอว์แฟร์

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวด้วยว่า หากกองทัพต้องการมีบทบาททางการเมืองและครองอำนาจต่อไป ต้องทำให้ประเทศมีวิกฤตตลอดเวลา เพื่อให้มีบทบาทในการแก้ไขวิกฤต เช่น กรณีการประดิษฐ์วาทกรรม ว่าด้วยการล้างสมองคนรุ่นใหม่ สำหรับในบทเรียนที่ผ่านมา จะพบคำว่าวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย ที่มีการเลือกตั้ง มีวิกฤตการเมือง และรัฐประหาร

ทั้งนี้ตนมองว่าวงจรอุบาทว์รูปแบบใหม่ คือ การตัดตอนหรือหยุดยั้งประชาธิปไตยด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร กรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ หรือ

Hybrid Warfare นั้น ในต่างประเทศ กลับมองประเทศไทย ว่า เป็น ระบอบลูกผสม หรือ Hybrid Regime ที่มีสาระสำคัญ คือ ใช้ระบบเลือกตั้งเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ สิ่งที่ ผบ.ทบ. ระบุถึง Warfare นั้นในเทรนด์ของโลก มีการพูดถึง Lawfare คือการใช้กฎหมายเพื่อทำลายคนเห็นต่างและคู่ต่อสู้ทางการเมือง แต่ตนไม่เช่ื่อว่าหากต้องการให้ประเทศพ้นวิกฤต ไม่สามารถฝากความหวังไว้กับคน 3 กลุ่ม คือ กองทัพ รัฐบาลสืบทอดอำนาจ และ สื่อมวลชนที่ยุยงปลุกปั่น ที่ลักษณะคล้ายกับดาวสยาม แต่เป็นยุค 4.0

เชิญผบ.ทบ.-กองทัพร่วมปฏิรูป

“ผมไม่เถียงที่ ผบ.ทบ. คิดว่าพวกเราเป็นซ้ายจัดดัดจริต ชอบปฏิวัติ แต่ผมศึกษาประวัติศาสตร์ทั่วโลก เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเจอสถานการณ์แบบนั้น ผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงแปลงในโลกมี 2 แบบคือ ปฏิวัติและปฏิรูป ซึ่งพรรคอนาคตใหม่พร้อมปฏิรูปประเทศไปพร้อมกับ ผบ.ทบ.​ ขอเชิญชวน ทหาร กองทัพ และชนชั้นนำ เลิกการสร้างศัตรูในใจ หรือมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ซึ่งปรากฎการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคือ การเมืองของคนหนุ่มสาวที่ตื่นรู้ อย่ามองว่าเป็นเพราะถูกยุยงปลุกปั่น เพราะวิธีคิดที่ว่า มีมาสเตอร์มายด์อยู่เบื้องหลัง คือไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา ขอกองทัพอย่ากังวลใจกับพรรคอนาคตใหม่ แกนนำพรรค หรือคนที่สนับสนุนพรรค แต่ต้องเข้าใจว่านี่คือการเมืองยุคใหม่”

นายปิยบุตร กล่าวตอนท้ายด้วยว่า ตนมองว่าการบรรยายของ ผบ.ทบ.​เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ไม่เป็นผลดี และเป็นการตอกลิ่มสร้างความแตกแยก แล้วปกครอง ทั้งนี้การสร้างภาวะให้เหมือนกับยุคสงครามเย็น เพื่อให้ทหารเข้ามาปกครองประเทศ เนื้อหาการบรรยายของ ผบ.ทบ.แสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจการเมืองยุคใหม่ เพราะเป็นการบรรยายที่สร้างความเกลียดชัง สร้างศัตรู และกระตุ้นให้เกิดการแตกแยกระหว่างรุ่น ซึ่งตนมองว่าเป็นประเด็นที่ต้องปฏิรูปกองทัพ ทั้งนี้ขอให้ ผบ.ทบ. ยอมรับความจริง และพูดคุยกันร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตในชาติขึ้นอีก

ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นประเทศ

ทางด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความว่า สงครามไฮบริด ที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ และน่ากลัวกว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ พูดไว้เยอะ คือการใช้กองทัพ องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม ทำลายล้างคนที่คิดต่างทางการเมือง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า การแสดงออกถึงการรักชาติด้วยการแสดงการกดให้ผู้อื่นรักชาติน้อยกว่าตนนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์คนที่แสดงออกถึงความรักชาติแบบนี้ กี่มากน้อยแล้วที่ “ตายเพราะปาก” กี่มากแล้ว ที่กลายเป็นตัวจุดประเด็นเสียเอง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า การพูดได้ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์กลายเป็นผู้ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับประเทศชาติอย่างสม่ำเสมอไปเสียแล้ว ผบ.ทบ.ในเกือบทุกประเทศทั่วโลกไม่แสดงความเห็นทางการเมือง

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวหานักการเมืองและคนอีกหลายกลุ่มหลายฝ่าย ด้วยข้อหาร้ายแรง โดยไม่มีหลักฐานและไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ การที่ ผบ.ทบ.ซึ่งมีกองทัพอยู่ในมือ พูดแบบนี้โดยไม่ได้แสดงว่าจะอาศัยระบบและกลไกตามปกติในการแก้ปัญหา ยิ่งทำให้เรื่องนี้ เป็นเรื่องน่ากลัว แสดงว่า ผบ.ทบ.เห็นเพื่อนร่วมชาติที่เห็นต่างเป็นศัตรูเต็มไปหมด ถึงขนาดเป็นศัตรูในสงคราม การพูดเช่นนี้จะสร้างความขัดแย้งบาดหมางให้รุนแแรงยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความหวาดกลัว หวาดระแวง และสร้างความเกลียดชัง เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสังคมรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

“ที่ พล.อ.อภิรัชต์พูดครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่มีความรู้ ความเข้าใจในหลายๆ เรื่องที่พูดออกมา แต่ควรจะรู้ว่า ที่พูดครั้งนี้กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ก็ผบ.ทบ.พูดขนาดนี้ ใครจะเชื่อว่าประเทศไทยจะสงบสุข แล้วใครจะกล้ามาลงทุนในประเทศไทย”

ต้องไปไกลกว่า‘ความมั่นคงแบบระแวง’

นางอังคณา นีละไพจิตร ผู้ได้รับรางวัลระหว่างประเทศ ‘รามอนแมกไซโซ’ ในฐานะนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ทัศนะเรื่องความมั่นคงของ ผบ.ทบ.แม้จะเป็นความเห็นส่วนตัว แต่คงทำให้หลายคนกังวล ถึงความพยายามเข้ามามีบทบาทของกองทัพในทางการเมือง เป็นความคิดด้านความมั่นคงบนความหวาดระแวง และต่อต้านคนที่คิดต่างเห็นต่าง โดยไม่มีมิติด้านสิทธิมนุษยชนหรือความมั่นคงของมนุษย์

ทั้งนี้เธอเห็นว่า การแสดงทัศนะเรื่องแผ่นดินของเรา จะมีประโยชน์อย่างมากหากเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงทัศนะในมุมมองที่กว้างขวางเป็นอิสระ ไม่จำกัดแต่เรื่องความมั่นคงแบบหวาดระแวง

‘วินธัย’แจง ผบ.ทบ.ปัดล้วงการเมือง

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้่แจงกรณีหลายกลุ่มวิจารณ์การใช้สถานที่ราชการเป็นเวทีโจมตีทางการเมืองของ ผบ.ทบ.ว่า เป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคล แต่เนื้อหาการบรรยายไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องของประเทศด้านความมั่นคงในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน มีบางคนพยายามเบี่ยงประเด็น สร้างภาพเทียบให้มีผลเชิงรู้สึกฝังหัวว่า ทหารยังไม่ถอยมาในจุดที่เหมาะสม แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รู้เท่าทัน

เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ความมั่นคงของประเทศ ภายใต้หน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง และเป็นข้อมูลเชิงสถิติที่เกิดจากการปฏิบัติงานจริง รวมทั้งจากการประเมินสถานการณ์ความมั่นคงในระดับโลก ภูมิภาคและประเทศไทย เพื่อให้สังคมและประชาชนรับทราบ

ผบ.ทบ.กล่าวชัดเจน ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อ เพราะที่ผ่านมามักมีบางกลุ่มบางบุคคลมีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนแก่สังคมมาตลอด ซึ่งวิธีนำเสนออาจต่างจากเดิมบ้าง เพราะต้องการให้รายละเอียดในจุดที่สำคัญเห็นภาพชัดเจน ให้ผู้บริโภคข่าวสารใช้ดุลยพินิจเอง และไม่น่าเสียหายอะไรที่จะเปิดใจรับฟังข้อมูลในอีกมุมมอง ผ่านผู้มีหน้าที่ปฏิบัติงานจริง

แจ้งจับจปร.ปลอมโพสต์ถล่มผบ.ทบ.

วันเดียวกันนี้ พ.อ.ชัชช์ มนตรีมุข ประธานนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น40 เตรียมทหารรุ่นที่ 29 พร้อมคณะนายทหาร เข้าแจ้งความ สน.นางเลิ้ง กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พลตรี ปฐวีร์” อ้างตัวเป็น จปร.รุ่น 40 โพสต์ข้อความแสดงความเห็นทางการเมือง โจมตี ผบ.ทบ.จนสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม