จับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน 'กดดัน'ค่าเงิน-ตลาดหุ้น

จับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน 'กดดัน'ค่าเงิน-ตลาดหุ้น

สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ30.26-30.48 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ30.40บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยเรื่องการค้าระหว่างประเทศเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน

 โดยสหรัฐกับจีน มีกำหนดเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน หากการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนไม่ราบรื่น และสหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก คาดว่าเงินหยวนของจีนมีแนวโน้มจะอ่อนค่าไปอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จีนจะยอมให้เงินหยวนอ่อนค่าเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมา และคาดว่าธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า“ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย”  คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.20-30.60 บาทต่อดอลลาร์

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11ต.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 1,626.00 จุด เพิ่มขึ้น 18.50 จุด หรือ 1.15% มูลค่าการซื้อขาย 61,609.96 ล้านบาท  "บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)"  ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอลุ้นผลการประชุมการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หากออกมาตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ น่าจะส่งผลให้ตลาดตอบรับเชิงบวกได้ ประกอบกับคาดว่าตลาดจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวของภาครัฐ ซึ่งจะสนับสนุนหุ้นในกลุ่มการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ให้กรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,600-1,640 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,500.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 21,600 บาทต่อบาททองคำ “วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล” ระบุ นักลงทุนที่สะสมทองคําไว้อาจมีการขายทํากําไรบางส่วนออกมา  โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านบริเวณ 1,503 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้หรือไม่ ซึ่งถ้าสามารถผ่านไปได้ ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ถือทองต่อไปเพื่อไปขายทํากําไรที่แนวต้านสําคัญระดะบ 1,517 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ จะบ่งชี้ว่าสามารถสร้างฐานได้ แนะนํานักลงทุนสามารถซื้อเก็งกําไรระยะสั้นที่แนวรับ 1,486-1,483 ดอลลาร์ต่อออนซ์