เฮ! 'หาดเจ้าไหม-หมู่เกาะอ่างทอง' ได้รับรองเป็นมรดกอาเซียน

เฮ! 'หาดเจ้าไหม-หมู่เกาะอ่างทอง' ได้รับรองเป็นมรดกอาเซียน

เฮ! "หาดเจ้าไหม-หมู่เกาะอ่างทอง" พื้นที่ป่าอนุรักษ์ของไทยได้รับการรับรองให้เป็น "อุทยานมรดกแห่งอาเซียน"

นายวรวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 15 ที่เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 7-9 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ได้แก่ การพิจารณารับรองพื้นที่คุ้มครองในภูมิภาคอาเซียน ให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park)

ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียน มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 2 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ได้รับการประกาศเป็นมรดกอาเซียน เป็นลำดับที่ 45 และ 46 ในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นมรดกอาเซียนในลำดับที่ 5 และ 6 ของประเทศไทย ต่อจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, อุทยานแห่งชาติตะรุเตา, กลุ่มอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์-หมู่เกาะสิมิลัน-อ่าวพังงา และกลุ่มป่าแก่งกระจาน

โดย อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่มากถึง 42 เกาะ อุดมไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทางทะเล มีแนวปะการังที่โดดเด่นสวยงาม อีกทั้งยังพบ รองเท้ากล้วยไม้นารีอ่างทอง (Ang Thong Lady Slipper , Paphiopedilumniveum) ซึ่งพบเห็นได้ที่เดียวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง สัตว์ทะเลสำคัญ ได้แก่ โลมาปากขวด โลมาหัวบาตรหลังเรียบ วาฬบรูด้า และเต่าตนุ

สำหรับอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม - เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จ.ตรัง มีระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ป่าหลากหลายประเภท เป็นแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่ และแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพะยูน สัตว์ป่าสงวนที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์

สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาพื้นที่ให้เป็นมรดกอาเซียน ประกอบด้วย 10 หลักเกณฑ์ ได้แก่ ความสมบูรณ์ทางนิเวศ ความเป็นตัวแทนของภูมิภาค ความเป็นธรรมชาติ ความสำคัญต่อการอนุรักษ์อย่างสูง กฎหมายที่กำหนดให้เป็นพื้นที่คุ้มครอง แผนการบริหารจัดการที่ได้รับความเห็นชอบ ลักษณะการข้ามพรมแดน มีลักษณะเอกลักษณ์ มีความเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมกับระบบนิเวศ และมีความสำคัญสำหรับชนิดพันธุ์ต่างๆ ซึ่งมรดกอาเซียนแห่งใหม่ของประเทศไทยทั้ง 2 แห่ง ได้ผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาดังกล่าวข้างต้น จึงถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่พื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้ง 2 แห่ง ได้รับการประกาศเป็นมรดกอาเซียน ในครั้งนี้