'แอสเสท เวิรด์' เทรดวันนี้ ปลุกตลาดหุ้นคึก กองทุนรอเก็บเพิ่ม

'แอสเสท เวิรด์' เทรดวันนี้ ปลุกตลาดหุ้นคึก กองทุนรอเก็บเพิ่ม

‘แอสเสทเวิรด์’ เข้าเทรดวันแรก นักวิเคราะห์ประเมินราคายืนเหนือจอง ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันและกองทุนอิงดัชนี ราว 3 พันล้านบาท เพื่อเก็บหุ้นให้ครบตามสัดส่วน

นายสมชาย กาญจนเพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจหลักทรัพย์บุคคล บล.เคจีไอ กล่าวว่า การเข้าซื้อขายของหุ้นแอสเสทเวิรด์ (AWC) จะช่วยให้ตลาดหุ้นกลับมาคึกคักมากขึ้น เป็นผลจากเม็ดเงินลงทุนจากทั้งที่อยู่ในระบบก่อนหน้านี้ และผู้ลงทุนบางส่วนตัดสินใจโยกย้ายเงินมาลงทุนกับแอสเสทเวิรด์ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นเงินลงทุนที่อยู่นอกตลาด ก็จะเข้ามาหมุนเวียนในตลาดมากขึ้นจากการจองซื้อหุ้นไอพีโอของแอสเสทเวิรด์

“โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเข้ามาเทรดของหุ้นแอสเสทเวิรด์จะช่วยให้ตลาดคึกคักขึ้น และทำให้เงินทุนหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ซึ่งเงินที่จะเข้ามาในตลาดก็อาจจะมีทั้งเงินลงทุนยาวจากสถาบันต่างๆ ส่วนนักลงทุนรายย่อยก็อาจจะเป็นการเข้ามาเก็งกำไรในช่วงสั้น” นายสมชาย กล่าว

ทั้งนี้ ราคาหุ้นแอสเสทเวิรด์น่าจะสามารถยืนเหนือจองได้เล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีจุดแข็ง คือ เป็นบริษัทใหญ่ มีเงินทุนหนา และมีสินทรัพย์ที่ดีในมือค่อนข้างมาก แม้ราคาหุ้นจะแพงเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) ปัจจุบัน แต่อนาคตยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง

ด้าน นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การเข้าซื้อขายของแอสเสทเวิรด์ในวันนี้ น่าจะช่วยให้ปริมาณการซื้อขายของตลาดโดยรวมกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่นักลงทุนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เพิ่มเงินลงทุน ต้องโยกย้ายเงินลงทุนไปซื้อหุ้นไอพีโอ ทำให้เม็ดเงินถูกดูดออกไปจากตลาด หลังจากนี้น่าจะมีนักลงทุนส่วนหนึ่งที่ทำการปรับพอร์ตและทำให้เงินกลับเข้ามาหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น 

"โดยภาพรวมเชื่อว่าการเข้ามาของหุ้นแอสเสทเวิรด์ไม่น่าจะทำให้ตลาดผันผวนมาก ส่วนแนวโน้มราคาหุ้นนั้น หากยืนต่ำจอง ในส่วนนี้น่าจะเป็นผลมาจากภาพใหญ่มากกว่า เพราะด้วยความที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ จึงสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันอาจจะมีความกังวลบางอย่างในระดับประเทศ หรือระดับโลก แต่โดยส่วนตัวก็เชื่อว่าราคาจะยังยืนอยู่เหนือราคาไอพีโอได้ เพราะยังมีกรีนชูช่วยค้ำไว้" นายเผดิมภพ กล่าว

บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า หุ้นแอสเสทเวิรด์ในช่วงแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดน่าจะมี "4 แรงส่ง" สำคัญเป็นตัวหนุน คือ ราคาหุ้นน่าจะยืนสูงกว่าราคาจองได้ดีในวันแรก เนื่องจากต้องใช้ราคาปิดในการคำนวณเกณฑ์การคัดเข้าดัชนี SET50 และ SET100 ระหว่างรอบคำนวณ รวมถึงยังมี green shoe อีกกว่า 1 พันล้านหุ้น คอยหนุนไม่ให้ราคาหุ้นต่ำจอง

ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาช่วยหนุน เนื่องจากเม็ดเงินที่จองซื้อหุ้น AWC ก่อนเข้าตลาดจาก 9 บริษัท ยังน้อยกว่าสัดส่วนมูลค่าตลาดของแอสเสทเวิรด์ใน SET50 คาดมีเม็ดเงินหนุนเพิ่มเติมราว 2 พันล้านบาท รวมถึงมีแรงเก็งกำไรจากกองทุนประเภทเชิงรุก (Active fund) ในช่วงก่อนที่หุ้นจะถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และSET100

นอกจากนี้ จะมีเม็ดเงินจากกองทุนประเภทอิงดัชนี (Index Fund) ที่มีวัตถุประสงค์ลงทุนอ้างอิงตามดัชนีอีกราว 1.1 พันล้านบาท ส่วนสถิติหุ้นไอพีโอในดัชนี SET ที่เข้าซื้อขายปีนี้ในวันแรก ราคาปิดสูงกว่าราคาจองทุกบริษัท และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.47% จึงคาดว่าราคาหุ้นแอสเสทเวิรด์จะทำได้ดีกว่าตลาดได้เช่นกัน

ทั้งนี้ สัดส่วนของหุ้นไอพีโอที่จัดสรรจำนวน 6,957 ล้านหุ้น แบ่งเป็นผู้ลงทุนในประเทศ 45.74% รวม 3,182.24 ล้านหุ้น และผู้ลงทุนต่างประเทศ 54.26% รวม 3,774.76 ล้านหุ้น ขณะเดียวกันก็อาจจะมีหุ้นอีกส่วนหนึ่งที่อาจจะถูกขายและเข้ามาหมุนเวียนในตลาด จากสัดส่วนของผู้ที่มีส่วนร่วมในการบริหาร ซึ่งไม่ติด Silent period จำนวน 5,940.05 ล้านหุ้น คิดเป็น 19.19% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้ว