ราคาหุ้น’บ้านปู’ ขาลง นักลงทุนสบช่องทำกำไร

    จนเป็นที่มาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นบ้านปู เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องและเป็นเทรดขาลงในช่วงปลายเดือนก.ค. ที่ผ่านมา จนราคาหุ้นลงไปแตะต่ำสุดที่ 11 บาท เป็นช่วงที่บ้านปูรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2562

   หากประเมินจากผลประกอบการที่ออกมาถือได้ว่าค่อนข้างย่ำแย่จากรายได้รวม 23,088 ล้านบาท ลดลง 10 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท ลดลง 98 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน

   มาจากธุรกิจเหมืองถ่านหินที่อ่อนแอจากราคาขายเฉลี่ย โดยเฉพาะเหมืองถ่านหินที่ออสเตรเลีย ยังเผชิญผลขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส นอกจากนี้ยังมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะจากจีน

   ปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้โบรกเกอร์มีการปรับประมาณการณ์กำไรปีนี้ลดลงกันเป็นแถวด้วยแนวโน้มไตรมาส 3 ยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจหลักถ่านหิน ที่ราคาลดลงต่อเนื่อง โดยเดือนก.ค. ราคาอยู่ 72 เหรียญต่อตัน เดือน ส.ค. ราคาอยู่ที่ 65 เหรียญต่อตัน และเดือน ก.ย. 69.58 เหรียญต่อตัน จนทำให้ไตรมาส 3 ราคาถ่านหินลงมาต่ำสุดเฉลี่ยที่ 80 เหรียญต่อตัน จากต้นปีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 90 เหรียญต่อตัน

    ตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ล้วนมองว่าปีนี้ บ้านปู กำไรจะไม่สดใสจึงลดประมาณการณ์กำไรลง 35-40 % Iรวมไปถึง ปี 2563 ยังได้รับผลกระทบจากทิศทางราคาถ่านหินยังลดลงได้อีก ซึ่งเมื่อมีการปรับลดกำไรลงสิ่งที่ตามมาคือการหันราคาหุ้นตามมาทันที

    ราคาหุ้นที่ถูก Discount ลงมาหลายโบรกเกอร์มองจากเฉลี่ย 17-15 บาท มาเหลือเฉลี่ย 12-14 บาท ยิ่งทำให้ราคาหุ้นบ้านปูร่วงลงหนักจนทำให้บริษัทต้องออกมาพยุงหุ้นตัวเองในช่วงเดือนส.ค. ที่ผ่านมาจากการซื้อหุ้นคืนในตลาด (Treasury Stocks) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5,000 ล้านบาท

     โดยมีจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 7.5% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 13 ก. ย.2562 -10 มี.ค. 2563 ปัจจุบัน (8 ต.ค.) บริษัทดำเนินการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 2.68 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.05 % ของจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว รวมมูลค่า 33.08 ล้านบาท

     หากแต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่ดีขึ้นสะท้อนจากการเข้าไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์เพื่อหาผลตอบแทนช่วงราคาขาลง โดยเฉพาะการลงทุนในบล็อกเทรด (Block Trade) ที่เป็นแรงบวกอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นเด้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา

    จากข้อมูล ณ วันที่ 4 ต.ค. หุ้น BANPU มีปริมาณสัญญาคงค้างติดอันดับต้นๆ ที่มีปริมาณสูงสุด จากจำนวน 4 สัญญา มีปริมาณซื้อขายรวม 631,172 สัญญา มีราคาอ้างอิงที่ 12.00 บาท มีสถานะคงค้าง 94,930 สัญญา รวมมูลค่า 1,126 ล้านบาท

    สัญญาที่มีปริมาณสถานคงค้างมากที่สุด BANPU19 จำนวน 54,912 สัญญา มูลค่ารวม 647.78 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อมีรายการบิ๊กล็อตซื้อในราคา 12.10 บาท เท่ากับทำให้นักลงทุนที่ซื้อสัญญา ที่ราคา 12 บาท ตามราคาอ้างอิงต้องทำการ short sell ต้องรีบปิดสถานะทันทีเพื่อลดความเสี่ยงและขาดทุนหนักจนดันราคาหุ้นหลักขึ้นตามมา

     อย่างไรก็ตามด้วยทิศทางของแนวโน้มหุ้นบ้านปูยังอยู่ในภาวะแกว่งตัวลงตามผลการดำเนินงานที่ยังอ่อนแอตามการคาดกาณ์ของนักวิเคราะห์ ดังนั้นหากราคาถ่านหินปรับตัวลดลงอีกจะกระทบราคาหุ้น รวมไปถึงการเข้าไปหาผลตอบแทนขาลงจากเครื่องมืออนุพันธ์ที่มีอยู่ จึงทำให้ยังเป็นความเสี่ยงสำหรับหุ้นบ้านปูที่ยังฟื้นตัวได้ยาก

    ส่วนนักลงทุนที่ถือหุ้นบ้านปูอย่างเดียวโดยไม่ได้ลงทุนในเครื่องมืออนุพันธ์อื่น ยังสบายใจได้ในระดับหนึ่งเพราะการซื้อหุ้นคืนของบริษัทยังเป็นเครื่องมือที่ยังช่วยพยุงหุ้นได้ดี เพราะเมื่อไรที่ราคาร่วงลงไปแล้วจะมีการเข้าไปช้อนซื้ออย่างที่บริษัทกำลังดำเนินในปัจจุบัน

    นักลงทุนที่ใจกล้า และรับความเสี่ยงได้มากสามารถนำเครื่องมืออนุพันธ์มาบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้ แต่ต้องระมัดระวังว่าหากผิดทางต้องรีบปิดความเสี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากเกินไปหรือ Cut Loss ให้เป็นนั้นเอง

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-'บ้านปู' ราคาหุ้นเด้งแรง พบบิ๊กล็อตกว่า 8.3 ล้านหุ้น

-ซีอีโอ 'บ้านปู' ชี้ราคาหุ้นต่ำพื้นฐาน ส่งผลรีบาวด์แรง

-'บ้านปู' อัด 5 พันล้าน ซื้อหุ้นคืน 385 ล้านหุ้น

-'บ้านปู' ดันราคาพุ่งแรง หลังทุ่ม 5 พันลบ.ซื้อหุ้นคืน

-ก๊าซฯ & พลังงานหมุนเวียน พระเอกใหม่ 'บ้านปู'