ดีเอสไอแจงลูก-เมีย 'เสี่ยกำพล' ยันไม่มีเอี่ยวกิจการอ่าง

ดีเอสไอแจงลูก-เมีย 'เสี่ยกำพล' ยันไม่มีเอี่ยวกิจการอ่าง

"ดีเอสไอ" แจงไม่ค้านความเห็นอัยการสั่งไม่ฟ้อง “นิภา-ธนพล” ชี้หลักฐานไม่พอ ผู้ต้องหายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมยันมีธุรกิจอื่น ไม่เกี่ยวข้องอ่างวิคตอเรีย ส่วนเสี่ยกำพลยังเป็นผู้ต้องหาครบ 3 คดี

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมชี้แจงการสั่งฟ้องและไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางส่วนในคดีค้ามนุษย์สถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ทว่า ดีเอสไอแยกการสอบสวนออกเป็น 3 คดี คดีแรกเป็นคดีค้ามนุษย์กรณีหญิงไทยร้องเรียนว่าถูกบังคับนำตัวมาขายบริการที่สถานอาบอบนวดที่วิคตอเรียซีเคร็ทก่อนถูกนำตัวส่งออกไปค้าประเวณีประเทศเพื่อนบ้าน มีผู้ต้องหา 17 คน คดีที่สองลับลอบค้าประเวณีในสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย มีผู้ต้องหา 45 คน และคดีที่ 3 คือคดีฟอกเงิน โดยในชั้นสอบสวนดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา 45 คน โดยนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ตกเป็นผู้ต้องหาทั้งสามคดี ต่อมาในชั้นอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 22 คน สั่งไม่ฟ้อง 23 คน รวมถึงนางนิภา และนายธนพล เมียและบุตรชายของนายกำพล ซึ่งดีเอสไอไม่ได้โต้แย้งความเห็นอัยการ เมื่ออัยการลงความเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ดีเอสไอจึงไม่ได้คัดค้าน

แหล่งข่าวดีเอสไอ เปิดเผยว่า คดีค้ามนุษย์อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 17 คน และอายัดทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากและกิจการที่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ประมาณ 500 ล้านบาท แต่ในส่วนของผู้ต้องหารายอื่นรวมถึงหาผู้ต้องหารายที่อัยการสั่งไม่ฟ้องได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมมาที่ดีเอสไอ โดยระบุว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ ซึ่งนางนิภา และนายธนพล ชี้แจงว่าดำเนินธุรกิจอื่นมีที่มารายได้ชัดเจน ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท ที่ผ่านมาดีเอสไอก็ได้ถอนอายัดทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการค้าประเวณี เช่น เงินลงทุนในหุ้นบางตัว และเงินที่ร่วมเล่นแชร์