กัญชาในจิตรกรรมวัดมกุฏฯ

กัญชาในจิตรกรรมวัดมกุฏฯ

ตามไปดูภาพการ “เสพกัญชา” ที่แอบซุกตัวอยู่เงียบๆ ในวิหารวัดหลวง ใจกลางเมืองหลวงกรุงเทพฯ มากว่า 150 ปี

มีภาษิตโบราณของไทใหญ่ที่คนเฒ่ากล่าวให้ลูกหลานฟังเสมอ และเพื่อนนักรบไทใหญ่ก็ย้ำกับดิฉันหลายครั้งว่า ดูคนต้องดูดีๆ อย่าดูตื้นๆ สั้นๆ ให้ดูในสิ่งที่เขาชอบๆ แล้วจะบอกได้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน เพราะ “คนเรามาทางไหน มันจะไปทางนั้น”

อธิบายให้ชัดสุด ก็คือ คนมันลุ่มหลงในสิ่งใด มันก็ไปของมันแบบนั้น เป็นคนแบบที่มันชอบๆ หลงๆ อยู่เช่นนั้น

ดิฉันเองพบว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ลุ่มหลงอย่างที่สุด ตระเวนทำอยู่อย่างเดียวอันแสนสุขสุดๆ คือ “ดูวัด”

อย่างอื่นในวัดไม่ค่อยอยากดู พระแก่ๆ ก็ไม่ค่อยไปคุยด้วยแล้ว เพราะอายุชักจะเริ่มแก่ทันพระ แต่จะไปนั่งเฝ้าหน้ากุฏิพระ ส่ายสายตาจ้องเขม็งให้ได้พบกับพระ เพื่อหาทุกวิถีทาง ให้หลวงน้อง หลวงพี่ หลวงตา เปิดประตูโบสถ์ ประตูวิหาร ให้ดิฉันได้เข้าไปชมจิตรกรรมฝาผนัง

ดิฉันหลงรักจิตรกรรมฝาผนัง อาการน้องๆ บ้าคลั่ง หรือเจียนคลั่งก็ว่าได้ โดยเฉพาะภาพเขียนชีวิตชาวบ้านที่แทรกอยู่ในจิตรกรรมพุทธประวัติที่เรียกกันว่า “ภาพกาก” แต่สำหรับดิฉัน “ภาพกาก” กลับคือ “ภาพแก่น” เป็น “ภาพหลัก” หัวใจหลักที่จะทำให้เข้าใจซาบซึ้ง ลึกซึ้งในวิถีชุมชนชาวบ้านไทย

อันนี้แหละที่ดิฉันเวียนไปดู ดูแล้วดูอีกไม่มีเบื่อ ตรึงจิตในความงามของจิตรกรรม แล้วมายืนหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ในแต่ละภาพชีวิตชาวบ้านที่แทรกอยู่ บางภาพเป็นจิตรกรรมเชิงสังวาส ทั้งคน ลิง นก หนู กระต่าย ขนกันมายังกะระบำโป๊สวนสัตว์ แต่ดูเท่าไหร่ก็ไม่โป๊ มีแต่ตลกดุเดือดให้หัวเราะจนลงนั่งกองกับพื้นเลยก็มี

ดังนั้นดิฉันจึงถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังมาอย่างละเอียดมากๆ เข้าไปดูแต่ละโบสถ์แต่ละวิหารใช้เวลาครั้งละร่วม 2 ชั่วโมง ถือเป็นปกติ แต่ไอ้เรื่องไม่เป็นปกติ เห็นจะเป็นภาพบนฝาผนังที่ดิฉันบันทึกมานั้นแหละ

โดยเฉพาะภาพของการ “เสพกัญชา” ที่ดิฉันได้พบภาพพิสดารพันลึกมากขึ้นทุกทีและไอ้ที่แปลกประหลาดที่สุด ก็คือ พบอยู่ในวิหารวัดหลวง ใจกลางเมืองหลวงกรุงเทพ แอบซุกอยู่เงียบๆ มามากกว่า 150 ปีแล้ว

157054232941

(บน) ชุมนุมพระภิกษุก๊งเหล้า เมากัญชา ถือหม้อตุ้งก่าอย่างทะนุถนอม นอนเขลงเล่นหมากรุก ในจิตรกรรมฝาผนัง วิหารวัดมกุฏกษัตริยาราม

ก่อนนี้ ดิฉันได้เห็นลิงในกองทัพพระราม นั่งอัดกัญชาอยู่ในจิตรกรรมวัดพระแก้ว ก็เคยตื่นเต้นยิ่งๆ มาแล้ว เห็นเป็นหลักฐานว่ากองทัพทหารไทยยุคต้นรัตนโกสินทร์ ไปรบที่ไหนก็คงขนบ้องกัญชา กะหลี่กัญชา ไปหาความอภิรมย์เริงร่าในยามพักงาน พักศึก นี้เป็นหลักฐานชั้นดีถึงวิถีชาวบ้านไทย ที่บัดนี้ภาพชุดนี้ก็มีการเผยแพร่ออกไปมาก เริ่มคุ้นตากันแล้ว

แต่เมื่ออาทิตย์ก่อน น้องกิ๋ว-ปรัศนันท์ กังศศิเทียม จิตรกรน้องรักเพื่อนรักของดิฉันได้ไปงานศพผู้ใหญ่ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม และได้เข้าไปชมจิตรกรรมฝาผนังในวิหารวัดมกุฏฯ เธอถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ ส่งมาให้ดู ชักชวนดิฉันมาดูด้วยกันเถิด

ภาพอยู่สูง โทรศัพท์มือถือของเธอถ่ายได้รัวราง แต่เธอสงสัย บรรดาพระภิกษุที่นั่งๆ นอนๆ ในจิตรกรรมชุดนี้ ดูผิดปกติมาก ไม่รู้มาชุมนุมทำอะไร

น้องกิ๋วตระเวนดูภาพจิตรกรรมกับดิฉันมา 20 ปีแล้ว เรา “รู้ทาง”, “รู้จริต”, “รู้ที่ชอบ-ที่ชอบ” ของกันและกันเป็นอย่างดี ดังนั้นสบโอกาสเหมาะได้เข้ากรุงเทพฯ ไปทำธุระ ดิฉันก็เอาเลยมุ่งตรงไปวัดมกุฏฯ กราบหลวงพี่ภิกษุวัดมกุฏ ขอชมจิตรกรรมในวิหารสักน้อย

วิหารจะเปิดให้ชม ให้คนไปสวดมนต์กราบพระในทุกเย็นอยู่แล้ว แต่ดิฉันไปเร็วกว่าปกติ พระภิกษุและเจ้าหน้าที่วัดมกุฏฯเมตตา เอื้อเฟื้อมีน้ำใจมาก เปิดทั้งโบสถ์และวิหารให้ดิฉันได้ถ่ายภาพได้ชมอย่างเต็มตา อิ่มตา อิ่มใจยิ่งๆ ขอขอบพระคุณ ไว้ ณ ที่นี้

จิตรกรรมวิหารวัดมกุฏเขียนกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นฝีมือช่างหลวงที่งามประณีตมาก เล่าเรื่องของพุทธบริษัทตามที่ปรากฏในพระสูตรต่างๆ แต่ก็มีภาพกาก เล่าเรื่องวิถีชีวิตชาวบ้าน แทรกอยู่เป็นระยะ

แรกๆที่ไปยืนดู ดิฉันก็หัวเราะหึๆ กับภาพหนุ่มชาวบ้านตัวใหญ่ล่ำนั่งประคองหม้อตุ้งก่า อุปกรณ์สูบกัญชา อยู่ในศาลาไม้ เออนะ ไปที่ไหนๆ ก็เห็นแต่ภาพคนไทยล่อกัญชา มีซะทั่ว หลายวัดในกรุงเทพฯ มีอย่างเยอะ ได้เจอได้เห็นมามากนัก

แต่สำหรับจิตรกรรมในวิหารวัดมกุฏนี้ กลับ “ตรึงตา” ดิฉันอย่างยิ่ง จนแทบถอนตาออกมาไม่ได้ กับภาพซุกอยู่สูงหน่อย ที่น้องกิ๋วชวนมาดู มองด้วยตาเปล่ารัวรางมาก แต่พอใช้กล้องคุณภาพดี กดชัตเตอร์แชะๆ บันทึกภาพลงมาขยายดู ดิฉันก็เริ่มออกอาการดวงจิตตะลึง ตึ้ง ตึ้งกับภาพพระภิกษุสิบกว่ารูป นั่งเขลงนอนเขลงอยู่ในศาลา กำลังก๊งเหล้า รินเหล้าใส่แก้วแจกกัน บางรูปเล่นหมากรุกบางรูปกำลังสูบอะไรสักอย่างเป็นท่อยาวๆ แต่เหมือนโดนป้ายสีลบออกไป 

157054244154

(บน) หนุ่มไทยตัวล่ำ ประคองหม้อตุ้งก่าอุปกรณ์เสพกัญชา ในจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดมกุฏกษัตริยาราม เขียนไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4

แต่หลักฐานสำคัญยิ่งๆ คือ พระรูปหนึ่งประคอง “ตุ้งก่า” อย่างทะนุถนอมอยู่ในมือ และถัดไปด้านขวา ก็ยังเห็น “ตุ้งก่า” วางอุ่นอยู่บนเตาหรือไม่ก็กระถางดินเผา วางโจ้งๆ อยู่ตรงหน้าหลวงพี่หลวงน้องที่กลุ้มรุมกันอยู่ในภาพนั้น

โอ...มายก๊อด มายก๊อด พระไทยสมัยร. 4 ชุมนุมกันก๊งเหล้า เมากัญชา นั่งเขลงนอนเขลงคาวงหมากรุกอย่างเถิดเทิงอารมณ์มาก ปรากฏหลักฐานอยู่ในจิตรกรรมฝาผนังอายุ 150 ปี กลางเมืองกรุงเทพฯ อะร้าอร่ามอะไรขนาดนี้ จะแจ้งอะไรขนาดนี้ บุญหรือกรรมล่ะนี่ ที่มาได้เห็น

ขี้เกียจไปคิดว่าบุญหรือกรรม ความจริงก็คือความจริง หนีไม่พ้นหรอก พระก็เป็นมนุษย์นะจ๊ะ และมนุษย์มันก็ฟอกย้อมไปด้วยกิเลส จะเจ้าหรือไพร่ พระ เถน เณร ชี ชาวบ้าน ไทย จีน เจ๊ก แขก มอญ กะเหรี่ยง ลาว ฝรั่ง ฯลฯ มันก็มนุษย์พอๆ กันทั้งนั้น เพียงแต่จะขัดเกลาให้กิเลสมันสร่างซาความทึบออกไปได้มากแค่ไหน นั้นคือบุญหรือไม่ก็กรรมที่จะผูกติดดวงจิตไปตลอดเส้นทางสังสารวัฏ

ดิฉันเคยเขียนอธิบายถึง “ตุ้งก่า” หลายครั้งแล้ว สืบค้นมาจากคนเฒ่าเมืองเพชรได้รู้ว่า แต่เดิมชาวบ้านไทยสูบกัญชาด้วย 2 อุปกรณ์คือ บ้องและหม้อตุ้งก่า บ้องทำจากกระบอกไม้ไผ่ เราเห็นๆและคอกัญชายังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ส่วนตุ้งก่าทำจากกะลามะพร้าวก้นตันเจาะรู เอาหลอดใส่สำหรับดูดควัน

ตุ้งก่านี้ใช้กันทั่วไปทั้งเจ้าและไพร่ ทั้งในเมืองและชนบท แต่คนไทยยุคปัจจุบันไม่เคยเห็นไม่รู้จักแล้ว 

มีหลักฐานเหลือปรากฏอยู่แต่ในจิตรกรรม กับวรรณคดีไทยหลายเรื่องดังเช่น “ขุนช้างขุนแผน” และ “ระเด่นลันได” วรรณคดีสำคัญสมัยร. 3 ที่นางประแดะหูกลวงดวงสมร ได้บำรุงบำเรอผัว ด้วยการ “แล้วเชิญหม้อตุ้งก่าออกมาตั้ง นางนั่งเป่าชุดจุดถวาย ทรงศักดิ์ชักพลางทางยิ้มพราย โฉมฉายควั่นอ้อยคอยแก้คอ”

เรื่องของเมียผัวเฝ้าหม้อตุ้งก่าเสพกัญชาด้วยกันมันธรรมดามาก แต่จิตรกรรมฝาผนังสมัย ร. 4  ที่มีภาพพระ 10 กว่ารูป นั่งก๊งเหล้า กอดหม้อตุ้งก่า มีตุ้งก่าอยู่ 2 หม้อไว้ล่อกัญชาเวียนกันสูบรึไงไม่ทราบ มันก็ทำให้ดูแล้วเข้าใจสภาพสังคมพระๆ ยุคนี้ได้แจ่มชัดขึ้น ปัญหาสงฆ์ที่เป็นอยู่เป็นไปในยุคนี้ ก็คงไม่ได้ต่าง ไม่ได้ดีหรือแย่กว่าเมื่อ 150 ปีก่อนสักเท่าไหร่

เหตุมาเช่นใด ผลก็เป็นไปเช่นนั้น ธรรมดาโลกแท้ๆ โลกสันนิวาสของพระๆ เมืองไทย ในวัดหลวงเสียด้วยซ้ำ เคยเป็นมาเช่นนี้ก็ได้มีการบันทึกภาพไว้อย่างซื่อตรง เคารพความจริงมากๆ น่ายกย่องครูช่างคนวาดภาพอย่างยิ่ง ขอกราบคารวะครูช่างจิตรกรผู้วาดภาพนี้มาด้วยความนับถือเต็มหัวใจ

ดูภาพจิตรกรรมพระล่อกัญชาไปเพลินๆ เถิดนะจ๊ะ อย่าไปประสาทแดกอะไรมาก นี้ล่ะ ความจริง จะยอมรับได้หรือไม่ได้มันก็คือความจริงธรรมดาโลกแท้ๆ