5 สตรีนักวิทยาศาสตร์ ทุนวิจัยลอรีอัล 2.5 แสนบาท/ทุน

5 สตรีนักวิทยาศาสตร์ ทุนวิจัยลอรีอัล 2.5 แสนบาท/ทุน

เผยโฉม 5 สตรีนักวิทยาศาสตร์ เจ้าของทุนวิจัยลอรีอัล รับทุนละ 2.5 แสนบาท ลอรีอัลมุ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสนับสนุนให้ นักวิจัยสตรีไทยสร้างงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมและประเทศชาติ 

บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยความร่วมมือกับสำนักเลขาธิการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศรายชื่อ 5 นักวิจัยสตรีผู้มีผลงานวิจัยที่โดดเด่นได้รับทุน โครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) ประจำปี 2562 โดยในปีนี้เป็นปีที่ 17 ในไทย รวมได้รับทุนสนับสนุนแล้วทั้งสิ้น 65 คน

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลอรีอัลเชื่อมั่นมาตลอดว่าการค้นคว้าวิจัยจะก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นจุดยืนของ มร.ยูชีน ชูแลร์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งลอรีอัล และเป็นหัวใจสำคัญของลอรีอัลในการดำเนินธุรกิจมากว่า 100 ปี เราเชื่อมั่นว่าโลกต้องการวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ต้องการผู้หญิง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เราจึงสนับสนุนงานวิจัยของสตรีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นหนึ่งในฟันเฟืองในการสนับสนุนนักวิจัยสตรีไทยที่มีสัดส่วน 56.1%  แต่ก็ยังนับเป็นเพียง 29% ของนักวิทยาศาสตร์สตรีทั่วโลก  เราจึงเดินหน้าโครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้นักวิจัยสตรีไทยในการสร้างงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมและประเทศชาติ และผลักดันให้พวกเขาสามารถก้าวเข้าสู่วงการวิทยาศาตร์ในระดับสากลได้  

โครงการ ทุนวิจัยลอรีอัล “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ริเริ่มขึ้นในปี 2540 โดย ลอรีอัล กรุ๊ป โดยความร่วมมือขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูเกียรติและสนับสนุนบทบาทสตรีในสายงานวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานโดดเด่น โดยปัจจุบันมีนักวิจัยสตรีที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการนี้มากกว่า 3,100 ท่าน จาก 117 ประเทศทั่วโลก โดยในจำนวนทั้งหมดนี้ได้รับรางวัลเกียรติยศนานาชาติ 107 ท่าน และได้รับรางวัลโนเบลถึง 3 ท่าน สำหรับประเทศไทย โครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 17 มอบทุนวิจัยทุนละ 250,000 บาท ให้กับนักวิจัยสตรีที่มีอายุระหว่าง 25-40 ปี ใน 2 สาขา ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ สำหรับปีนี้แบ่งเป็นสาขาแรก 2 คน และ สาขาถัดมา  3 คน 

ทั้งนี้ การคัดเลือกผู้ได้รับทุนทั้งหมดได้ผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแถวหน้าในวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย โดยใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่คำนึงถึงประโยชน์ของงานวิจัยต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังต้องมีกระบวนการวิจัยที่เหมาะสม และผ่านเกณฑ์การชี้วัดของโครงการ มีจริยธรรมในการทำงาน และเป็นที่ยอมรับในวงการนักวิจัย

สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จำนวน 2 คน 

157054081720


ดร.ธัญญพร วงศ์เนตร ผู้ได้รับทุนสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล สถาบันวิทยสิริเมธี กล่าวถึงงานวิจัยว่า “จากผลการสำรวจโดยกรมควบคุมมลพิษในปี 2559 พบว่า ประชากรไทยสร้างขยะมูลฝอยหรือขยะชุมชนสู่ระบบนิเวศกว่า 27.37 ล้านตันต่อปี หรือราวๆ 74,998 ตันต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งในระดับชุมชนและประเทศชาติเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทีมวิจัยจึงนำเทคโนโลยีการหมักขยะเศษอาหารมาใช้ควบคู่กับหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่ได้จากผลงานวิจัยเพื่อเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นสารมูลค่าเพิ่มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะก่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนขยะมูลฝอยให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและสารชีวภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่มีคุณภาพสูงขึ้น และเป็นพลังงานสะอาด สามารถนำมาใช้เป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีไปใช้แล้วที่จังหวัดน่าน และที่เขตนวัตกรรม ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) และกำลังวางแผนที่จะขยายไปยังชุมชนอื่น รวมไปถึงขยายไปในระดับเทศบาลต่อไป เพื่อปลูกฝังให้คนไทยมีพฤติกรรมในการแยกขยะ และช่วยลดปริมาณขยะมูลฝอยที่จะถูกปล่อยออกสู่ระบบนิเวศและธรรมชาติต่อไป

157054084690

ดร. ธิดารัตน์ นิ่มเชื้อ ผู้ได้รับทุนสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีกระบวนการผลิตที่ใช้สารเคมีและพลังงานสูง ซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะและปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตสิ่งทอที่ลดการใช้สารเคมี ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ‘เทคโนโลยีเอนไซม์’ จึงเป็นที่ต้องการและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ทางทีมวิจัยจึงได้มุ่งหน้าคิดค้นเทคโนโลยีเอนไซม์จากเชื้อจุลินทรีย์ผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน เพื่อให้ได้มาซึ่งเอนไซม์ที่มีศักยภาพสูง และนำไปสู่การพัฒนาเอนไซม์สัญชาติไทยที่สามารถนำไปใช้ทดแทนการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมสิ่งทอได้ โดย เอนอีซ (ENZease) เอนไซม์อัจฉริยะทูอินวันสำหรับกระบวนการผลิตสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่คิดค้นได้โดยทีมวิจัยนี้จะเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพของผ้าไทยทั้งในระดับอุตสาหกรรมและสิ่งทอพื้นเมือง รวมทั้งทำให้กระบวนการการผลิตผ้าฝ้ายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงบวกทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสังคม เศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน โดยเฉพาะประชาชนชาวไทย อย่างมหาศาลต่อไปในอนาคต

สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ จำนวน 3 คน 

157054086549

สตรีนักวิทยาศาสตร์ เจ้าของ ทุนวิจัยลอรีอัล สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ดร.จำเรียง ธรรมธร จากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กล่าวถึงรายละเอียดงานวิจัยว่า ปัจจุบัน มีโรคเกิดขึ้นใหม่มากมายอีกทั้งยังโรคต่างๆ ที่มีอยู่ก็มีอัตราการดื้อยาที่สูงขึ้น ส่งให้งานวิจัยทางด้านการพัฒนายาจึงต้องเป็นงานวิจัยที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในขั้นตอนหลักที่จำเป็นคือการพัฒนาวิธีการสังเคราะห์สารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพซึ่งจะนำไปสู่งานวิจัยที่ต่อยอดได้ โดยผลงานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษาวิธีการสังเคราะห์สารสำคัญที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งและการฆ่าเชื้อมาเลเรีย โดยหลังจากที่ได้วิธีการสังเคราะห์สารสำคัญในกลุ่มนี้ ทางทีมวิจัยจะทำการเตรียมอนุพันธ์ของสารเพื่อให้มีความหลากหลายทางโครงสร้าง และนำไปทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพต่อไป ซึ่งหลังจากได้สารที่เป็นสารประกอบ ก็จะนำสารนี้ไปพัฒนาต่อยอดเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นยารักษาโรคต่อไป

157054088941
รศ.ศิริลตา ยศแผ่น ผู้ได้รับทุนสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้กล่าวว่า แนวคิดเกี่ยวกับ Carbon-Hydrogen (C-H) bond functionalization คือ การใช้กระบวนการทางเคมีเพื่อเปลี่ยนแปลงสารอินทรีย์ที่พันธะระหว่างคาร์บอนและไฮโดรเจนโดยตรง ซึ่งเป็นหลักการที่ได้รับความสนใจจากนักเคมีเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเป็นวิธีการสังเคราะห์สารอย่างยั่งยืน โดยจะช่วยลดขั้นตอนการผลิต  ลดปริมาณของเสียและสารพิษอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมี งานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารอินทรีย์วิธีทางเลือกใหม่ โดยได้ใช้แนวคิด Carbon-Hydrogen (C-H) bond functionalization ผสมผสานกับการเร่งปฏิกิริยาเคมี (Catalysis) และหลักการทางเคมีสีเขียว (Green Chemistry) ซึ่งจะก่อให้เกิดกระบวนการสังเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางเคมี และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานวิจัยทางด้านชีววิทยา วัสดุศาสตร์ เภสัชศาสตร์ การเกษตร หรืออื่นๆ ได้ นอกเหนือจากนี้แล้วงานวิจัยนี้ยังสามารถต่อยอดเพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมการสังเคราะห์สารอินทรีย์ที่ใช้ได้จริงในทางอุตสาหกรรมการผลิตยาและวัสดุสารเคมีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยจะช่วยเพิ่มมูลค่าของสารที่มีอยู่ ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง อีกทั้งยังลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จึงถือเป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนของประเทศต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในอนาคต

157054090861

รศ. พนิดา สุรวัฒนาวงศ์ ผู้ได้รับทุนวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวว่า  ที่ผ่านมาน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการวิจัยเพื่อพัฒนาพลังงานทางเลือกจากทรัพยากรที่ยั่งยืนจึงเป็นที่ต้องการ การใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อสลายพันธะคาร์บอนออกซิเจนเพื่อเปลี่ยนลิกนินให้มีโมเลกุลเล็กลงสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมเคมีจึงมีความสำคัญ จึงได้ทำการศึกษากลไกการทำงานของตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะนิกเกิล โดยใช้วิธีการคำนวณบนพื้นฐานเคมีควอนตัมเพื่อศึกษาโครงสร้างและพลังงานของโมเลกุล เพื่อเรียนรู้การทำงานของตัวเร่งปฏิกิริยาที่เข้ามามีบทบาทในการลดการใช้พลังงาน นำไปสู่แนวคิดการออกแบบตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีทั้งโลหะและกรดลิวอิสในโครงสร้างโมเลกุลเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้ย่อยพันธะคาร์บอนออกซิเจนให้ได้โมเลกุลที่มีขนาดเล็กลงเพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมเคมีได้