เช็ค!อย.อนุญาตปลูกกัญชาแล้ว 9 ราย เตรียมเปิดยื่นเรื่องส่วนภูมิภาค

เช็ค!อย.อนุญาตปลูกกัญชาแล้ว 9 ราย เตรียมเปิดยื่นเรื่องส่วนภูมิภาค

อย.อนุญาตปลูกกัญชาแล้ว 9 ราย รอพิจารณาอีก 2 ราย สั่งใช้ในผู้ป่วยแล้วกว่า 400 ขวด เล็งเพิ่มช่องทางยื่นอนุญาตที่สสจ.เริ่มธ.ค.62 เผยรายงานผลข้างเคียงไม่รุนแรง ขณะที่ “อนุทิน”ลั่นไม่มีใครในพรรคมีธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา

         วันนี้(8ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ว่า  ได้รับรายงานจากอย.ว่าคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษได้อนุญาตให้มีการปลูกกัญชาไปแล้ว 9 ราย ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม(อภ.) มหาวิทยาลัยรังสิต รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร รพ.คูเมืองจ.บุรีรัมย์ซึ่งร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพลาเพลิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กรมการแพทย์โดยจะปลูกที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แพร่ และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา 2 ราย คือ สภาเกษตรกรลำปาง และมหาวิทยาลัยศิลปากร ปลูกที่นครราชสีมา

            “ยืนยันว่านโยบายเป็นการใช้กัญชาทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนใครที่คิดจะเอากัญชาไปใช้ในเชิงสัน?นาการ เฮฮาเป็นสิ่งที่มโนคิดไปเอง และยืนยันว่าไม่มีใครในพรรคภูมิใจไทยที่มีธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา แต่พรรคภูมิใจไทยหยิบมาเป็นนโยบายเพราะพิจารณาแล้วเห็ฯว่ามีประโยชน์ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทย แต่แน่นอนเป้าเพื่อให้สามารถปลูกได้บ้านละ 6 ต้น แต่เป็นลักษณะการใช้เป็นยาสมุนไพร ส่วนใครจะนำมาใช้ตากแห้ง มวนสูบก็จะต้องถูกจับ เพราะกฎหมายยังไม่อนุญาตให้ทำ คนที่ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบเองเพราะปลูกแล้วไม่ได้ใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ตามที่กฎหมายอนุญาต”นายอนุทินกล่าว

            นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า เรื่องกัญชาเพื่อทางการแพทย์ ตั้งแต่เดือนม.ค.-4ต.ค.2562 ในส่วนของระบบการอนุญาต  การปลูกอนุญาตผู้ปลูกแล้ว 9 รายอนุญาตให้สกัด 11 ราย จำหน่าย 368 ราย ครอบครอง 21 ราย นำเข้า 3 ราย รวมทั้งสิ้น 412 ราย  อย่างไรก็ตาม ในเดือนธ.ค.2562 จะมีการเพิ่มช่องทางในส่วนภูมิภาค  โดยให้สามารถรับคำขอได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) และให้สสจ.เป็นผ็ตรวจสอบเอกสารและสถานที่ ก่อนส่งเรื่องมาเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯในการอนุญาต

            นพ.ไพศาล กล่าวอีกว่า สำหรับการผลิตและการกระจายยา ในส่วนของแผนปัจจุบัน ผลิตรวม 31,442 ขวด แยกเป็นของรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร 24,091 ขวด และ อภ. จำนวน 7,351 ขวด และแผนไทย ผลิตรวม 14,580 ซอง เป็นตำรับทำลายพระสุเมรู 9,630 วอง และสุขไศยาศน์ 4,950 ซอง และน้ำมันกัญชาสูตรเดชา 14,450 ขวด สำหรับกัญชงที่จะส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่นั้น จากเดิมที่มีการออกประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯกำหนดให้ในเมล็ดที่จะปลูกต้องมีสารทีเอชซีไม่เกิน 0.3 % แต่เกิดการทักท้วงจากหลายฝ่ายและรองนายกฯและรมว.สธ.ขอให้คณะกรรมการฯพิจารณาอีกครั้งนั้น 

       ล่าสุด คณะกรรมการฯได้พิจารณาและเห็นชอบให้กำหนดเมล็ดพันธุ์กัญชงที่จะปลูกได้ต้องมีสารทีเอชซีไม่เกิน 1 % และต้นพันธุ์ต้องมีสารทีเอชซีไม่เกิน 1 %  ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการลงนามของปลัดสธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ นอกจากนี้(ร่าง)กฎกระทรวงผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือครอบครองกัญชง พ.ศ....ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ คากว่าจะเสนอต่อรมว.สธ.ภายในเดือนพ.ย.2562 ก่อนเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป